“เผดิมชัย” เผย แรงงานกว่า 8.3 แสนคน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ยัน ก.แรงงาน ดูแลเต็มที่ เบื้องต้นประสานนายจ้างดูแลได้ไม่ต่ำกว่า 8.2 แสนคน เตรียมงาน 1.26 แสนอัตรารับภาวะว่างงานหลังน้ำลด สั่ง “ประกันสังคม” ออกเงินกู้ช่วยซ่อมบ้าน ชงลดเก็บเงินเข้ากองทุน ลดภาระลูกจ้าง
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่กระทบต่อผู้ใช้แรงงานล่าสุดว่า ภาพรวมสถานการณ์นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.จนถึงขณะนี้ พบว่า สถานประกอบการทั่วประเทศได้รับผลกระทบแล้ว 21,257 แห่ง ใน 32 จังหวัด มีผลกระทบต่อลูกจ้างหรือผู้ใช้แรงงาน 834,995 คน ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ จ.ปทุมธานี ที่มีสถานประกอบการถึง 10,982 แห่ง และลูกจ้างอีกจำนวน 406,940 คน ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่มีลูกจ้างรวม 270,000 คน จากโรงงาน 227 แห่ง
นายเผดิมชัย กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นอกจากการสนับสนุนมอบสิ่งของบรรเทาความเดือดร้อน และโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ประกันสังคมแล้ว ทางกระทรวงยังได้มีการออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาลูกจ้าง ยกตัวอย่างที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขอความร่วมมือสถานประกอบกิจการร่วมรับผิดชอบในการดูแลลูกจ้าง ซึ่งมีสถานประกอบการจำนวนมากได้แสดงความพร้อมในการจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้าง ทั้งในอัตราเต็มจำนวนหรือ 75 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง และได้ขอความร่วมมือในการผ่อนปรนให้ลูกจ้างมาทำงานสาย หยุดงานโดยไม่ถือเป็นวันลา
ทั้งยังให้คำปรึกษากฎหมายแรงงานแก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการอีกด้วย ซึ่งได้พยายามผลักดันมาตรการทั้งหมดให้มีการปฏิบัติในทุกพื้นที่ โดยล่าสุดมีสถานประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จำนวน 20,901 แห่ง มีลูกจ้างได้รับการดูแล 827,618 คน
ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงว่า ในขณะที่สถานการณ์กำลังคลี่คลาย หรือกลับคืนสู่ภาวะปกติ จะมีปัญหาการว่างงานตามมานั่น นายเผดิมชัย ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาได้กำชับเจ้าหน้าที่ในการออกหน่วยเคลื่อนที่เพื่อให้บริการรับขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน จัดหาตำแหน่งงานว่างรองรับ รวมไปถึงการรับลงทะเบียนเคลื่อนย้ายแรงงาน รวมทั้งประสานงานให้มีการยืมตัวลูกจ้างจากบริษัทที่มีความพร้อมในการรับลูกจ้างตามโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งขณะนี้มีสถานประกอบการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการแล้ว 465 แห่ง มีตำแหน่งงานรองรับกว่า 57,692 อัตรา ขณะที่กรณีการถูกเลิกจ้าง หรือมีแนวโน้มในการเลิกจ้างนั้น กระทรวงแรงงานได้เตรียมความพร้อมจัดเตรียมตำแหน่งงานว่างไว้รองรับทั่วประเทศจำนวน 126,638 อัตรา ซึ่งจะมีการเข้าไปเจรจากับสถานประกอบการโดยตรงเพื่อรองรับสถานการณ์การเลิกจ้าง นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งงานในต่างประเทศ อาทิ ประเทศอิสราเอล มีตำแหน่งคนงานภาคเกษตร อีกจำนวน 5,000 อัตรา
“เรายังมีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ที่ตั้งวงเงินในปีงบประมาณ 55 ไว้ที่ 259 ล้านบาท เตรียมพร้อมรองรับหากลูกจ้างถูกเลิกจ้าง โดยจะจ่ายเงินชดเชยบางส่วนให้ลูกจ้างแทนนายจ้างที่ไม่สามารถจ่ายได้ไปแทนก่อน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้ากรณีถูกเลิกจ้าง” นายเผดิมชัย ระบุ
นายเผดิมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของสถานการณ์ภายหลังน้ำลดที่ผู้ใช้แรงงานมีความจำเป็นในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยนั้น จนได้สั่งการให้เปิดโครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย ที่เปิดให้ผู้ประกันตนกู้เงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 2.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คงที่ 2 ปี ให้แก่ผู้ที่จำเป็นในการซ่อมแซมบ้าน ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องการฟื้นฟูกิจการ ก็ได้กำหนดวงเงินกู้ไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ คงที่ 3 ปี รวมทั้งยังได้เตรียมเสนอมาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา 1-2 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้าง เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการและผู้ประกันตนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งกำลังส่งเรื่องเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการประกันสังคม เพื่อเป็นมาตรการชั่วคราวมีระยะเวลา 1-2 ปี
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงแรงงาน ณ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน เพื่อเป็นศูนย์การการรวบรวมข้อมูลและการให้ความช่วยเหลือประชาชน นายจ้าง และลูกจ้าง สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2248-2222 หรือสอบถามด้านข้อมูลสิทธิแรงงาน และการบริการของกระทรวงแรงงาน ได้ที่ศูนย์ประสานเพื่อนผู้ใช้แรงงานที่ประสบอุทกภัย โทร.0-2567-5101-2 ต่อ 14-16 หรือที่สายด่วน 1506