xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกตั้งข้อสังเกตวิกฤตอุทกภัย เกิดจากการกักน้ำในเขื่อนมากผิดปกติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพิรุณ จิตภิรมย์
บก.โต๊ะข่าวต่างประเทศ ASTV เผย บลูมเบิร์ก ตั้งข้อสังเกต น้ำในเขื่อนภูมิพล ถูกกักเก็บในช่วง ส.ค.มากกว่าปกติถึง 2 เท่า ทั้งๆ ที่รู้ว่าปีนี้ฝนมากกว่าเดิม 25% พอน้ำเยอะก็เร่งปล่อย จนท่วมหนักอย่างทุกวันนี้ พร้อมถามใครเป็นคนสั่ง ทำเพื่ออะไร แล้วทำไมไม่แจ้งเตือนประชาชนแต่เนิ่นๆ ด้านผู้สื่อข่าวติดตามนายกฯ ซัด เป็นผู้นำที่ไม่มีภูมิความรู้ ภาวะความเป็นผู้นำอยู่ในระดับน้อย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คนเคาะข่าว"  

วันที่ 19 ต.ค. เมื่อเวลา 20.30 น.ในรายการ “คนเคาะข่าว” นายพิรุณ จิตภิรมย์ บก.ข่าวต่างประเทศ ASTV และ นางสาวสุภางค์ ศิริเดช ผู้สื่อข่าวติดตามนายกฯ ของหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ ได้ร่วมพูดคุยถึงประเด็นภาวะวิกฤตน้ำท่วม

โดย นายพิรุณ กล่าวว่า นักข่าวต่างประเทศ มองปัญหาเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ พัฒนาการของน้ำท่วม ดูว่า กรุงเทพฯจะรอดหรือไม่ เสียหายอย่างไรบ้าง อีกส่วนก็วิเคราะห์เรื่องการบริหารจัดการน้ำ วิเคราะห์ว่า ปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะถ้าเทียบกับประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่เจอพายุหนัก แต่ทำไมไทยถึงเกิดอุทกภัยที่หนักกว่าประเทศเหล่านั้นเยอะมาก

เขาก็จะวิจารณ์ในส่วน ศปภ.ว่า จริงๆ แล้ว ทำอะไรกันบ้าง ทำไมไม่มีผู้ว่าฯ กทม.ร่วมด้วย มันเป็นการเมืองหรือเปล่า และทำไมไม่ประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งก็วิเคราะห์กันว่าจะเป็นการให้อำนาจทหารมากเกินไป กลัวถูกทหารยึดอำนาจ

นายพิรุณ กล่าวต่อว่า มีปมปริศนาที่สื่อไทยไม่ค่อยเจาะลึกนัก แต่บลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกต ว่า น้ำมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จะมาต่อไปถึงวันไหน ความจริงทุกคนรู้ อธิบดีกรมชลประทาน (นายชลิต ดำรงศักดิ์) รู้ดีสุด ซึ่งตอนนี้ก็ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 ตามมาด้วย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายสุทัศน์ ปัมทสิริวัฒน์) เป็นผู้ต้องหาที่ 2 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มันไม่ได้มาจากฝนอย่างเดียว มันมาจาการบริหารจัดการน้ำที่ผิดอย่างร้ายแรงมาก

น้ำมาจากเขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิติ์ ย้อนไปดูข้อมูลกรมชลฯ เดือนสิงหาคม มีน้ำกักเก็บมากกว่าที่เก็บในปีก่อนๆ 2 เท่า ทั้งๆที่รู้ว่าฝนตกมากกว่าปกติ กรมอุตุฯก็บอกว่าฝนภาคเหนือตกมากกว่าอัตราเฉลี่ยของเมื่อปีที่แล้ว ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์

สิงหาคมเป็นต้นฤดูฝน ปกติเขื่อนภูมิพลเคยเก็บน้ำไว้แค่ประมาณ 30-40 ล้าน ลบ.ม.แต่สิงหา คมปีนี้ เก็บไว้มากถึง 70 กว่าล้าน ลบ.ม.พอกันยายนมันขึ้นไปหนัก ก็เริ่มปล่อยน้ำ ปลายกรกฎาคม ปล่อยวันละ 4.5 ล้าน ลบ.ม.พอสิงหาคมปล่อย 22 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน กันยายน 26 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ยังไม่ทำให้น้ำท่วม แต่น้ำก็เริ่มสูงแล้ว และมาวิกฤตตอนตุลาคม ปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลถึงวันละ 77 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน นี่คือ มวลน้ำก้อนใหญ่ กรมชลฯคำนวณแล้วว่า ใช้เวลา 9 วัน น้ำจากเขื่อนภูมิพลจะมาถึงกรุงเทพฯ

ที่ ศปภ.บอกในวันที่ 16 ตุลาคม ว่า น้ำมวลใหญ่ลงทะเลไปแล้ว รัฐบาลพูดไม่หมด อันนั้นเป็นแค่น้ำมวลใหญ่ก้อนแรก อย่าลืมว่า น้ำมวลใหญ่ถูกปล่อยจากเขื่อน 14 วัน แสดงว่า กรุงเทพฯก็ต้องเผชิญน้ำก้อนใหญ่ 14 วัน น้ำก้อนใหญ่ที่ลงไปแล้วเป็นแค่หัวๆ ของจริงยังไม่มา

นายพิรุณ กล่าวต่อว่า เขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำวันละ 77 ล้าน ล.บ.ม.เขื่อนสิริกิติ์ ไม่มากเท่าไหร่ แต่ปัญหาคือ ปล่อยมาพร้อมกัน ดูสถิติจะเห็นว่า วิธีปล่อยน้ำผิดปกติวิสัยกว่าปีก่อนๆ ปกติพอฤดูฝนก็จะเพิ่มการระบายน้ำขึ้นทีละนิด แต่ปีนี้ขึ้นพุ่งพรวด จาก 4 ล้าน ลบ.ม.เป็น 22 ล้าน ลบ.ม.และมากถึง 77 ล้าน ลบ.ม.

น้ำฝนมากกว่าปีก่อน 25 เปอร์เซ็นต์จริง แต่ที่ท่วมมันมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ สื่อนอกมองอีกว่าใครสั่งให้กักน้ำไว้มากกว่าปกติ และเมื่อรู้แล้วทำไมไม่แจ้งประชาชนให้รู้ก่อน ถ้าแจ้งแต่เนิ่นๆคงไม่เสียหายขนาดนี้

ด้าน นางสาวสุภางค์ กล่าวว่า ตนเคยคุยกับแหล่งข่าวรู้มาว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำแนะนำรัฐบาล แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ทำตาม ส่วนเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯก็ยังสับสนว่า มันต่างจากพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน นักข่าวเคยถามว่าจะประกาศพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินหรือไม่ นายกฯบอกไม่จำเป็น เนื่องจากกลัวเพิ่มอำนาจให้ทหาร แต่หลังจากนั้น ไม่กี่วัน นายกฯกลับบอกว่าได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินไปแล้ว โดยที่ไม่มีใครรู้เลย คือเหมือนว่าไม่เข้าใจว่ามันต่างจากพรก.ฉุกเฉิน

ส่วนเรื่องจำนวนจังหวัดที่เกิดภัยพิบัติ นายกฯก็ไม่เคยให้ข้อมูลตรงกันเลย แม้แต่การไปขุดลอกคูคลอง วันนี้บอกว่าขุดลอก 5 คลองนี้ อีกวันกลายเป็นคลองอื่น ประชาชนก็สับสน ตกลงจะระบายน้ำลงคลองไหนกันแน่ ไม่มีความชัดเจน สั่งงานสะเปะสะปะ

“เธอไม่มีภูมิความรู้ รู้ไม่จริง ภาวะความเป็นผู้นำมีแต่อยู่ในระดับน้อย ฉะนั้นการที่มานั่งสั่งการผู้ที่อาวุโสกว่า แต่ไม่ได้รับการตอบสนองกลับ เธอต้องคิดเองว่าเพราะอะไร วันนี้ที่นายกฯจุกอก น้ำตาคลอ จากคำถามนักข่าว นักข่าวถามเพื่อให้เห็นว่าเคยวิเคราะห์บ้างหรือไม่ว่าข้อมูลศปภ.ผิดพลาด ท่านผู้นำก็เหมือนว่า มีอารมณ์ รู้สึกโกรธ ทั้งๆ ที่ผู้สื่อข่าวถามเพื่อให้สะท้อนความจริง" นางสาวสุภางค์ กล่าว 




นางสาวสุภางค์ ศิริเดช
กำลังโหลดความคิดเห็น