ครม.ชงสภา ออก กม.คุมสิ่งพิมพ์ มอบดาบ ผบ.ตร.สั่งห้ามเผยแพร่ได้ อ้างคุมสื่อที่กระทบสถาบัน กำหนดระเบียบหยุบหยิม ไม่ทำตามมีโทษอาญา
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้มีการอนุมัติหลักการร่างพระราชราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จดแจ้งการพิมพ์ (ฉบับที่...) พ.ศ…. ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) สภาผู้แทนราษฎร พิจารณา และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์และพิมพ์ในราชอาณาจักรต้องแสดงข้อความประเภทของสิ่งพิมพ์ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำหนดประเภทสิ่งพิมพ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และกำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีอำนาจออกคำสั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้า หรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
นายชลิตรัตน์ กล่าวต่อว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้กำหนดให้ผู้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ต้องดำเนินการออกหนังสือพิมพ์ภายใน 60 วัน เมื่อได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดแจ้งการพิมพ์แล้ว และต้องแสดงข้อความประเภทของหนังสือพิมพ์ และเลขมาตรฐานสากลประจำสารที่หอสมุดแห่งชาติออกให้ พร้อมส่งหนังสือพิมพ์จำนวน 2 ฉบับ ให้หอสมุดแห่งชาติ ทั้งนี้ชื่อหนังสือพิมพ์จะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งต้องไม่ซ้ำกับชื่อของหนังสือพิมพ์ที่ได้รับจดแจ้งไว้แล้ว หรือชื่อของหนังสือพิมพ์ที่จัดพิมพ์ในต่างประเทศ ทั้งนี้ หากผู้พิมพ์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับจะมีโทษทางอาญา และ ผบ.ตร.สามารถสั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้าหรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรได้
นายชลิตรัตน์ กล่าวด้วยว่า ครม.ยังได้รับทราบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย หลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติในหลักการของกฎกระทรวงซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้เสนอไปแล้ว
“สาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้ สรุปว่า โดยปกติทางราชการมีเงื่อนไขที่จะชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย แต่หากมีเหตุจำเป็น เช่น ต้องระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่หรือหมู่บ้านหนึ่ง ไปยังพื้นที่หรือหมู่บ้านที่น้ำไม่ได้ท่วมขัง หรือไม่ได้รับความเดือดร้อน ทำให้เกิดความเดือดร้อน กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและความสามารถที่จะชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับผู้ที่รับความเสียหายได้ จากเดิมที่ไม่มีกฎหมายใดครอบคลุมไว้” นายชลิตรัตน์ กล่าว
วันนี้ (18 ต.ค.) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้มีการอนุมัติหลักการร่างพระราชราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จดแจ้งการพิมพ์ (ฉบับที่...) พ.ศ…. ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนที่จะส่งให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) สภาผู้แทนราษฎร พิจารณา และเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สิ่งพิมพ์ที่เป็นหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์และพิมพ์ในราชอาณาจักรต้องแสดงข้อความประเภทของสิ่งพิมพ์ โดยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำหนดประเภทสิ่งพิมพ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และกำหนดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีอำนาจออกคำสั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้า หรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรซึ่งสิ่งพิมพ์หรือหนังสือพิมพ์ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
นายชลิตรัตน์ กล่าวต่อว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังได้กำหนดให้ผู้ยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ต้องดำเนินการออกหนังสือพิมพ์ภายใน 60 วัน เมื่อได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดแจ้งการพิมพ์แล้ว และต้องแสดงข้อความประเภทของหนังสือพิมพ์ และเลขมาตรฐานสากลประจำสารที่หอสมุดแห่งชาติออกให้ พร้อมส่งหนังสือพิมพ์จำนวน 2 ฉบับ ให้หอสมุดแห่งชาติ ทั้งนี้ชื่อหนังสือพิมพ์จะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งต้องไม่ซ้ำกับชื่อของหนังสือพิมพ์ที่ได้รับจดแจ้งไว้แล้ว หรือชื่อของหนังสือพิมพ์ที่จัดพิมพ์ในต่างประเทศ ทั้งนี้ หากผู้พิมพ์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับจะมีโทษทางอาญา และ ผบ.ตร.สามารถสั่งห้ามพิมพ์ เผยแพร่ สั่งเข้าหรือนำเข้าเพื่อเผยแพร่ในราชอาณาจักรได้
นายชลิตรัตน์ กล่าวด้วยว่า ครม.ยังได้รับทราบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย หลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติในหลักการของกฎกระทรวงซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหายซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการบำบัดภยันตรายจากสาธารณภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้เสนอไปแล้ว
“สาระสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้ สรุปว่า โดยปกติทางราชการมีเงื่อนไขที่จะชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการประสบอุทกภัย แต่หากมีเหตุจำเป็น เช่น ต้องระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่หรือหมู่บ้านหนึ่ง ไปยังพื้นที่หรือหมู่บ้านที่น้ำไม่ได้ท่วมขัง หรือไม่ได้รับความเดือดร้อน ทำให้เกิดความเดือดร้อน กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจและความสามารถที่จะชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับผู้ที่รับความเสียหายได้ จากเดิมที่ไม่มีกฎหมายใดครอบคลุมไว้” นายชลิตรัตน์ กล่าว
