“สุรพงษ์” ย้ำอีกครั้งไทยยังไม่ถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ยันเป็นสมาชิกเป็นคุณต่อประเทศมากกว่าไม่เป็น จ่อโยนเข้า ครม.รับรองตอกย้ำความชัดเจน โยนปลัด ก.ทรัพย์ เขียนแผนล่วงหน้ากำหนดทิศทางให้ทุกหน่วยทำงานเหมือนกัน
วันที่ 13 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องท่าทีของประเทศไทยต่อการเป็นกรรมการและสมาชิกอนุสัญญาสมาชิกมรดกโลก ซึ่งเป็นการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ โดยยังยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นภาคีอนุสัญญาสมาชิกมรดกโลกอยู่ ไม่ได้มีการขอถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการมรดกโลกตามที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตหัวหน้าคณะเจรจามรดกโลก เคยประกาศ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ดูจากข้อดีและข้อเสียสรุปได้ว่าการดำรงอยู่ในฐานะภาคีอนุสัญญาสมาชิกมรดกโลก เป็นประโยชน์ต่อประเทศเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว และทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมศุลกากร สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพบกทุกหน่วยงาน ได้ยืนยันเห็นพ้องต้องกันว่าเรายังคงเป็นอยู่ในสมาชิกมรดกโลก และการประชุมครั้งต่อไปในปี 2556 ประเทศประเทศบราซิล คิดว่าข้อพิพาทที่เกิดขึ้นที่นายสุวิทย์ไปถอนตัว คือ กรณีแผนบริหารจัดการที่ไปเกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ทับซ้อน ที่เป็นพื้นที่มีความขัดแย้งระหว่างกัน ตนได้เสนอที่ประชุมว่าควรรอให้ผลการพิจารณากรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินคดีเมื่อ 2505 เมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรแล้วก็ค่อยมาพิจารณากันใหม่ และในการประชุมครั้งหน้าหากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยังตัดสินไม่แล้วเสร็จ ประเทศไทยก็ต้องแสดงจุดยืนของประเทศไทยก่อนว่าอย่าเพิ่งนำขึ้นมาพิจารณา
“จากข้อสรุปของคณะกรรมการมรดกโลกแห่งชาติที่มี พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ได้ข้อสรุปว่าประเทศไทยจะมีการดำเนินการว่าหลังจากนี้จะต้องทำอะไรบ้าง และจะมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อนำเสนอ ครม.ด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าประเทศไทยควรจะทำอะไรบ้าง” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ได้มีการมอบหมายทางปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปร่วมประชุมกันว่า หลังจากที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ว่าประเทศไทยยังคงเป็นสมาชิกภาคีอนุสัญญาอยู่ และเราจะทำอะไรจากนี้ไป โดยจะเขียนเป็นแผนชัดเจนเพื่อจะได้ทำงานไปพร้อมๆ กันทุกหน่วยงาน
