“ประยุทธ์” วอน “เสื้อแดง” เคารพสิทธิคนอื่นอย่าจุ้นโผทหาร ยันตั้งคนมีความสามารถไม่สืบทายาท ระบุทำดีที่สุดแล้ว “ถ้าผมไม่ทำประโยชน์ ก็ย้ายผมได้ บ้านเมืองต้องเดินหน้าขณะนี้มีปัญหามากจนแก้ยาก แต่ไม่คิดแก้ด้วยการ “ปฏิวัติ”
วันนี้ 5 ต.ค. เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองการบิน กรมการบินขนส่งทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดง และญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดือน พ.ค. 2553 มาประท้วงหน้ากองทัพบกเพื่อต่อต้านการแต่งตั้งนายทหารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมว่า อยากถามว่า กลุ่มนี้เกี่ยวข้องหรือเป็นคณะกรรมการปรับย้ายฯ หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เกี่ยว ตนไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร แต่อย่าละเมิดคนอื่น ทำอะไรก็อย่าให้เดือดร้อน ทั้งนี้ไม่กังวลว่า การเมืองจะนำประเด็นนี้ไปสู่การแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 และขอให้ไปดูความเป็นมาว่า ทำไมต้องมีพระราชบัญญัติฉบับนี้ ขอให้เห็นใจเพราะทหารมีภารกิจคนละอย่าง ถ้าเกิดสงครามขึ้นมา ก็ต้องจำเป็นที่ต้องสั่งกำลังพลไปรบ เหมือนสั่งเขาไปตาย จะตายหรือไม่ก็ไม่รู้ จะชนะหรือแพ้ก็ไม่รู้เช่นกัน ถ้าตั้งคนไม่ได้ หรือสั่งกันไม่ได้จะทำอย่างไร และการจะมีพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกมาต้องมีเหตุผล และหลักการ ที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรเสียหาย
“การปรับย้ายครั้งนี้ยังไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.มาทำอะไรเลย เพราะพูดจากันเองรู้เรื่อง สื่อเอาไปลงว่าผมจะเอา พ.ร.บ.ไปสู้ ซึ่งผมไม่เคยสู้กับใคร เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยแต่ละเหล่าทัพปรับขึ้นมาส่งเข้าที่ประชุม ไม่มีความขัดแย้งกัน พ.ร.บ.นี้ไม่ได้มีเอาไว้สู้กัน แต่มีไว้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ปกติเรามีอำนาจการบังคับบัญชา และ ให้เกียรติกันอยู่แล้ว เรามีผู้บังคับบัญชาสองระดับ คือ ผู้บังคับบัญชาโดยตรงและตามลำดับชั้น การจะปรับหรือแต่งตั้งอะไรก็ตามต้องมีคุณธรรม และหลักธรรมาภิบาล อย่ามาใช้คำว่าแต่งตั้งทายาท ผมไม่มีทายาทกองทัพ ทายาทของผมมีสองคนคือลูกสาว เพราะกองทัพไม่ใช่ของผม และที่ตั้งใครมาก็ตั้งด้วยความเหมาะสม และดูการทำงานตลอดระยะเวลาที่รับราชการ ที่ไปวิจารณ์ว่าผมตั้งแต่เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 เข้ามาจำนวนมากนั้น อยากเรียนว่า เขารับราชการมากว่า 30 ปีแล้ว จะไม่ให้เป็นใหญ่เป็นโตเลยหรือ และอีก2 ปีก็จะเกษียณอายุราชการกันหมดแล้ว ซึ่งเขาก็เติบโตกันมาตามลำดับในแท่งของเขา ซึ่งมีทั้งหมด 16-17 เหล่า ไม่ใช่มีเหล่าเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้ง เขามีสายงานของเขา คำสั่งนี้ก็มีทุกรุ่นไม่เฉพาะรุ่น 12 เพื่อนผมอย่างเดียว รุ่น 13, 14 ซึ่งเกษียณพร้อมกันหรือใกล้ๆ กัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวต่างๆ ตนไม่อยากไปขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ประเด็นวันนี้ คือ ต้องการให้บ้านเมืองก้าวผ่านปัญหาต่างๆ ได้ดีก่อน การจะต้องมีหรือไม่มี พ.ร.บ. รวมทั้งการแต่งตั้งจะเป็นอย่างไร ก็ให้ดูจากที่เขาทำงานหรือควบคุม และทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้หรือไม่ จะมาพูดว่าคนนั้นถูกคนนี้ผิด ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรม ขอร้องอย่ามากดดัน เพราะกดดันกันไม่ได้ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะเห็นว่ากองทัพทำงานมาตลอด ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็เป็นกลไกอยู่แล้วในการทำหน้าที่ หนักใจอย่างเดียวคือทำอย่างไรจะให้ประชาชนคลายความเดือดร้อนได้บ้าง เพราะมันเยอะจริง ตนก็ไม่อยากขัดแย้ง หรือโต้แย้งกับใคร
“การเป็นผู้บังคับบัญชาคนจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ถ้าเป็นให้ยาก มันก็ยาก ถ้าจะเป็นให้ง่ายก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็ตั้งพวกตัวเองเอาไว้เป็นหลัก และที่บอกว่าต้องมีทายาทไม่จำเป็น เพราะผมไม่ได้ปิดบังใคร เป็นเรื่องของความโปร่งใส ใครมีความสามารถ มีโอกาสเขาก็ได้เป็นต่อไป กองทัพไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของประชาชน 60 ล้านคน ถ้าเอากองทัพมาเป็นของใครคนใดคนหนึ่งก็เสียหาย ขอร้องว่าการที่ตั้งกันเอง เขาทำได้ดี เพราะเขารู้ว่าใครเป็นอย่างไร และกองทัพจะเดินทางไป่ข้างหน้าอย่างไร ไม่มีทายาท ไม่ใช่ทายาท เป็นเรื่องของกองทัพทั้งสิ้น ดีหมดทุกรุ่นและเป็นไปตามระยะเวลา หากรัฐบาลมีอะไรที่ไม่เหมาะสมขอให้บอก เพราะรับฟังอยู่แล้ว อย่าให้มาเป็นประเด็นโต้แย้งกัน เพราะไม่ใช่ประเด็นขัดแย้ง และ เราก็ไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาล ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้เพราะเป็นระบบงาน ส่วนหากสภาฯมีมติให้แก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม 2551 ก็ว่ากันไป แต่ที่ผ่านมากว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้จะผ่านไปได้ก็ใช้เวลาพอสมควร เหตุผลมันมีก็ไปว่ากันภายในเหมือนกัน ถ้าใครที่คิดและยอมรับทหาร ว่าเราเป็นองค์กรที่มีความยุติธรรม ความโปร่งใสพอสมควร ก็ดูแลทหารด้วยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้จะพูดอะไรอย่างอื่น” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ อาจเป็นช่องโหว่ให้เด้งท่านออกจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ถ้าผมไม่ทำประโยชน์ ก็ย้ายผมได้ แล้วผมทำประโยชน์หรือเปล่า ผมทำดีหรือไม่ ผมนำพากองทัพดีหรือไม่ กองทัพอ่อนแอหรือเปล่า ถ้าหากทำให้กองทัพอ่อนแอ ก็คงต้องโดนลงโทษ แต่ผมคิดว่ากองทัพก็ยังเข้มแข็งอยู่ในการทำงาน ทำหน้าที่ แต่ประเด็นก็คือปัญหาของประเทศมีมากจนแก้ไขยากและก็จะยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนช่วยกันสงบ และ จะทำอย่างไรรวมน้ำใจกันเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงแก้ไขปัญหาทีละปัญหาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาคใต้ ชายแดน น้ำท่วม และใช้กลไกปกติในการแก้ไขปัญหาก็แก้ไขได้ แต่ถ้าทะเลาะเบาะแว้งกันไป ว่ากล่าวกัน ขัดแย้งกันไป ประท้วงกันไป ผลเสียก็ตกอยู่กับรัฐบาลทั้งสิ้น”
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า ทหารจะถูกโจมตีจนทำให้กดดันและออกมาทำปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วใครจะทำปฏิวัติ อยากถามว่า ผบ.ทบ.มีกี่คน มีคนเดียวใช่ไหม กองทัพก็มีกองทัพเดียว แต่ถ้าคุมกำลังก็คือกองทัพบก เขาก็ทำงานกันไป ไม่เห็นจะมีใครมาตั้งหน้าตั้งตาปฏิวัติ นึกว่ามันง่ายนักหรือไง ปัญหาของประเทศมีอยู่มาก ก็ต้องช่วยกันแก้ไข ถ้ามัวแต่ขัดแย้งกัน แต่งตั้งกันไปแต่งตั้งกันมา ก็ไม่ต้องแก้อะไรหรอก ทะเลาะกันเสียก่อน ไม่เห็นเกิดประโยชน์เลย บ้านเมืองต้องไปข้างหน้า และเราก็พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ผบ.ทบ.ก็ทำดีที่สุดแล้ว