xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำฝ่ายค้านเผยต่างชาติจับตาจำนำข้าวขัด WTO จับตาทุจริต สวมสิทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ิอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  (แฟ้มภาพ)
“”มาร์ค” เผย ต่างชาติจับตาโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ขัดหลักเกณฑ์ WTO ห่วงราคาพุ่งกระทบส่งออก เตือนทุจริต สวมสิทธิ์จำนำ ขณะเดียวกัน ห่วงนโยบายพลังงานของประชาชน ยิ่งทำยิ่งสับสน แนะเก็บภาษีรถยนต์ใช้ก๊าซ LPG และ NGV ต่างกัน แทนลอยตัวก๊าซภาคขนส่งที่เปิดช่องให้ทุจริต

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ประกาศเอาตำแหน่งเป็นเดิมพันการทำโครงการรับจำนำข้าว ว่า หากทำให้รัฐบาลสูญงบประมาณมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ว่า กว่าจะได้ตัวเลขความสูญเสียก็ใช้เวลาเป็นปี แต่ต้องบอกกับรองนายกรัฐมนตรีว่าเฉพาะค่าบริหารจัดการโครงการก็ต้องใช้เงินหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่ถึงมือเกษตรกร แตกต่างจากโครงการประกันรายได้ทุกบาททุกสตางค์ถึงมือเกษตรกร

ผู้นำฝ่ายค้าน ยืนยันว่า เห็นด้วยที่จะทำให้ราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้น แต่วิธีดำเนินการต้องถูกต้องด้วย ซึ่งฝ่ายค้านจะติดตามดูว่ารัฐบาลมีการอุดช่องโหว่แก้ปัญหาการทุจริตได้หรือไม่ ซึ่งรอบนี้ปัญหาอาจน้อย เพราะรัฐบาลจ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรทำให้แรงกดดันลดลง อีกทั้งผลผลิตก็น้อยเพราะได้รับผลกระทบจากอุทกภัย แต่ปัญหาพื้นฐายยังมีซึ่งต่างประเทศจับตาเรื่องนี้อยู่ว่าเป็นโครงการที่ขัดต่อหลักเกณฑ์ของดับบลิวทีโอหรือไม่

ทั้งนี้ เชื่อว่า โครงการดังก่าวจะส่งผลต่อขีดความสามารถการแข่งขันของข้าวไทย เพราะหากราคาสูงผู้นำเข้าข้าวก็จะเลือกซื้อจากประเทศอื่น ดังนั้น หากต้องการช่วยเกษตรกรก็ควรนำเงินไปช่วยเหลือไม่ใช่บิดเบือนกลไกราคาในตลาด

นายอภิสิทธิ์ วิเคราะห์ว่า เหตุผลที่ทำให้รัฐบาลดึงดันทำโครงการนี้ ทั้งที่มีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่าย มีปัจจัยจากประเด็นการเมือง เพราะมีการหาเสียงไปแล้วจึงยอมรับไม่ได้ที่จะยกเลิกโครงการ เช่น กรณีจ่ายเงินส่วนต่างรัฐบาลยังหลีกเลี่ยงไม่ใช้คำนี้เพราะตรงกับโครงการของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องติดตามการทุจริตแสวงหาประโยชน์ การสวมสิทธิ์ และปัญหาในเรื่องโรงสีด้วย

ผู้นำฝ่ายค้าน ยังกล่าวถึงนโยบายลอยตัวแอลพีจีภาคขนส่งที่จะเริ่มปีหน้า ว่า ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอีกหรือไม่ แต่เห็นว่าการจะแยกแอลพีจีภาคขนส่งออกจากภาคครัวเรือนทำได้ยากมาก ในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์วางแนวทางไว้ว่า หากแยกภาคขนส่งกับครัวเรือนจะเกิดปัญหาควบคุมยาก เพราะจะมีคนลักลอบนำแก๊สภาคครัวเรือนไปใช้ในภาคขนส่งซึ่งจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยตามมา และการที่รัฐบาลจะออกบัตรเครดิตพลังงานหรือคูปองให้ผู้ใ้ช้บางส่วนก็จะเกิดปัญหาการตรวจสอบตามมา ดังนั้น แนวทางที่ง่ายเพื่อไม่ใก้ภาคขนส่งใช้แอลพีจีคือการเก็บภาษีที่ตัวรถ ว่ารถคันไหนใช้แอลพีจี เอ็นจีวี ก็เก็บภาษีในราคาที่แตกต่างออกไป แต่นโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลเต็มไปด้วยความสับสน จนกระทบความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน และยังเป็นโยบายที่ผลักภาระให้กับประชาชนด้วย ซึ่งไม่คุ้มค่าและไม่เป็นธรรมต่อชาวบ้าน

นายอภิสิทธิ์ แนะประชาชนให้ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต เพราะในปีหน้าค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีแต่นโยบายที่ใช้เงินในอนาคต โดยยังไม่เห็นแนวทางในการหารายได้ ซึ่งหากเกิดปัญหาจากภูมิภาคอื่นๆ ก็จะทำให้รัฐบาลมีเครื่องมือในการรับมือปัญหาน้อยลง เพราะใช้เงินไปหมดแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น