“มาร์ค” บินไปฟิลิปปินส์ ร่วมโชว์วิสัยทัศน์เวทีผู้นำภาคการเมือง ยกปัญหาหนี้ยุโรปเป็นบทเรียนรับมือเป็นประชาคมอาเซียน ปี 2015 ติงรัฐบาลยังเฉื่อยชากับการรับมือภาวะเศรษฐกิจโลก ค้านตั้งบ่อนเสรี จี้ “ยิ่งลักษณ์” แจงให้ชัดเป็นนโยบายหรือไม่ ระบุรัฐบาลใช้ปัญหาบ่อนเป็นเงื่อนไขตั้ง “เพรียวพันธ์” เป็น ผบ.ตร. แต่เจ้าตัวกลับหนุนเปิดบ่อนเสรี แฉมีนายทุนเริ่มกว้านซื้อที่ดินดักหน้าแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในภาคการเมือง ภาครัฐเอกชนและนักวิชาการร่วมกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ประเทศฟิลิปินส์ ว่าความสำคัญของเวทีนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อร่วมผลักดันการเป็นประชาคมอาเซีนนตามแผนที่วางไว้ในปี 2015 ซึ่งยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ และตนจะชี้ให้เห็นถึงบทเรียนจากปัญหาที่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรปที่แม้จะมีการรวมตัวอย่างแน่นแฟ้นแต่เมื่อเกิดวิกฤต ความหลากหลายของสมาชิกก็ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ยังเห็นว่าการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกอาเซียนจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นด้วย
สำหรับปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปที่เกิดขึ้นนั้น นายอภิสิทธิ์เห็นว่ารัฐบาลยังเตรียมการรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจภายในประเทศน้อยเกินไป โดยยังไม่มีการวางแผนในเชิงภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาค แม้ว่าการใช้โครงการประชานิยมจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศได้แต่ในสถานการณ์นี้ไม่มีความจำเป็นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการดังกล่าว เพราะหลายนโยบายของรัฐบาลขาดความเหมาะสม เช่น การคืนภาษีรถยนต์คันแรกที่ต้องสูญรายได้รัฐถึง 3 หมื่นล้านบาท โดยรัฐควรนำเงินดังกล่าวมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะมีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการเปิดบ่อนเสรีว่า มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจน และต้องเอาข้อเท็จจริงมาพิจารณาเพราะบ่อนเสรีจะสร้างปัญหาสังคมตามมา ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยหากมีการเสนอกฎหมายเข้ามาก็จะคัดค้าน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตุว่ารัฐบาลใช้ปัญหาบ่อนมาสร้างเงื่อนไขให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์กลับมาเสนอการทำบ่อนถูกกฎหมายจึงอยากให้พูดความจริง
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองและระดับหน่วยงานมีความพยายามผลักดัน จึงมีนายทุนไปกว้านซื้อที่ดินดักหน้า ซึ่งตนไม่ทราบว่านายกฯ จะเพิ่งได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรกจริงหรือไม่ เพราะนายกฯ ก็ไม่ได้ปฏิเสธแนวทางนี้เพียงแต่บอกว่าไม่ใช่นโยบายเร่งด่วนเท่านั้น แต่ขอเตือนว่าเพียงแค่เริ่มมีแนวคิดก็เริ่มมีความขัดแย้งในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้แล้ว จึงขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ ซึ่งหากจะทำจริงก็ต้องฟังกระแสสังคมด้วย
