“กล้านรงค์” ระบุ อัยการสูงสุดไม่ยื่นฎีกาคดี “พจมาน” เลี่ยงภาษี ทำให้ทุกอย่างจบ ทั้งที่ ป.ป.ช.หนุนให้ฎีกา ขณะเดียวกัน ยังดองคดีฟ้อง “นพดล” ทำผิดรัฐธรรมนูญ ม. 190 กรณีแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมร ดึงคำให้การพยานปากเอกเป็นปีก่อนสั่งไม่ฟ้อง เตรียมเสนอให้ ป.ป.ช.ฟ้องเองเพราะความผิดสมบูรณ์แล้ว
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ยื่นฎีกาคดี คุณหญิง พจนมาน ดามาพงศ์ ณ ป้อมเพ็ชร หลีกเลี่ยงการเสียภาษี ว่า ถือเป็นดุลพินิจของอัยการที่เป็นอำนาจตามกฎหมาย และการตรวจสอบว่าการใช้ดุลพินิจดังกล่าวเป็นไปโดยชอบหรือไม่ หลังจากอัยการสูงสุด มีความเห็นเช่นนี้คดีดังกล่าวก็ต้องยุติ เพราะไม่สามารถดำเนินการอะไรต่อไป เนื่องจากคดีนี้ คตส.ได้ใช้อำนาจในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนและดำเนินการฟ้องเอง ซึ่งได้จบขั้นตอนไปแล้ว จึงเป็นอำนาจของทางอัยการ แต่เมื่ออัยการสูงสุดสั่งไม่ยื่นฎีกาทุกอย่างก็จบ
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการร่วม ป.ป.ช.และอัยการ เพื่อพิจารณาในคดีที่ ป.ป.ช.มีมติฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า มีเจตนากระทำผิดกฎหมายในกรณีออกแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวิจิฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 โดยอัยการได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีนี้ เพราะเห็นว่าการกระทำของนายนพดลไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย
“หลังจากที่ ป.ป.ช.มีมติได้ส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลฏีกาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่อัยการแจ้งกลับมาว่าควรจะมีการสอบสวนเพิ่มเติม ในกรณีของ นางฟรองซัวร์ ริวิริแยร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมขององค์กรยูเนสโก ซึ่งทาง ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องให้อัยการได้ดำเนินการสอบสวน เนื่องจาก ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจในการสอบสวนระหว่างประเทศ เพราะตามกฎหมายเป็นหน้าที่ของอัยการ โดยได้ส่งเรื่องไปตั้งแต่ต้นปี 2553 แต่ทางอัยการเพิ่งจะนำคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของนางฟรองซัวร์ มาแจ้งต่อที่ประชุมวันนี้”
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสาระในการให้คำดังกล่าวไม่ได้มีส่วนใดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในทางคดี แต่เมื่ออัยการมีความเห็นไม่ฟ้อง ผมก็จะรายงานเรื่องนี้ต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันพรุ่งนี้ และจะเสนอให้ปปช.ฟ้องเอง เพราะเห็นว่าการกระทำของ นายนพดล เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายสมบูรณ์แล้ว รวมถึงในที่ประชุมคงได้พิจารณากรณีอัยการสูงสุด มีความเห็นไม่ยื่นฎีกา คดีคุณหญิง พจมาน ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.มีมติส่งถึงอัยการสูงสุดแล้วว่าควรจะยื่นฎีกาต่อ เพราะ ป.ป.ช.เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อสองศาลมีความเห็นแย้งกันก็ควรจะยื่นฎีกาเพื่อให้คดีถึงที่สุด” นายกล้านรงค์ กล่าว