ผู้นำฝ่ายค้าน หนุนภาคเอกชนรวมหัวต้านคอร์รัปชัน ลั่นพร้อมตรวจสอบนโยบายรัฐ จี้รัฐจริงจังเอื้อองค์กรอิสระตรวจสอบรัฐ รับกังวลโกงจำนำข้าว บ้านหลังแรก ไม่หวั่น คอป.ดึง “สุรเกียรติ์” กุนซือ
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่สวนลุมพินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการร่วมเดินรณรงค์ต่อการคอร์รัปชันจะช่วยแก้ปัญหาการคอร์รัปชันได้มากน้อยแค่ไหน ว่า สิ่งสำคัญคือ ภาคเอกชนโดย นายดุสิต นนทะนาคร อดีตประธานหอการค้าไทยเป็นผู้ริเริ่มเรื่องนี้ และได้ทำกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ถ้าหากสามารถรวมพลังกันได้มากขึ้น และภาคเอกชนสอดส่องดูแลกันเอง เพราะการทุจริตคอร์รัปชันหลายกรณี มีเอกชนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ตรงนี้จะเป็นอีกพลังหนึ่งที่เข้ามาเสริม แต่ในส่วนของรัฐ องค์กรอิสระ นักการเมือง ก็ต้องปรับปรุงตัวเองกันมาก
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลในเรื่องทุจริตคอร์รัปชันอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบนโยบาย และการทำงานของรัฐบาลอยู่แล้ว เรายืนยันว่า จะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน จึงอยากให้รัฐบาลยอมรับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับการประชุมของสภา ซึ่งจะมีการตั้งกระทู้ถามในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไปจนถึงการที่รัฐบาลจะต้องจริงจังในการเอื้ออำนวยให้องค์กรอิสระได้ทำงานอย่างมีอิสระเต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่า นโยบายใดของรัฐบาลที่กังวลว่าจะนำไปสู่การคอร์รัปชัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นโยบายจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ทุกฝ่าย ทั้งที่เคยมีประสบการณ์และเคยติดตามศึกษาเรื่องนี้จะกังวลมาก เพราะช่องทางการทุจริตมีมากเกือบทุกขั้นตอน และปริมาณเงินที่เกี่ยวข้องมีจำนวนมหาศาล แต่ก็จะมีนโยบายอื่นๆ อีก เช่น นโยบายบ้านหลังแรก เพราะการออกแบบนโยบายมาเอื้อประโยชน์ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการช่วยคนยากจน ส่วนที่กังวลกันว่า เจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ให้ความร่วมมือการตรวจสอบก็ไม่เป็นไรเราสามารถติดตามตรวจสอบได้
“ตัวอย่างเช่น ขณะนี้รัฐบาลจะมีการเปิดโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 7 ต.ค.แต่ขณะนี้ข้าวไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกร เพราะเกษตรกรรีบขายไปเยอะแล้ว เนื่องจากน้ำท่วม คำถามคือ ข้าวที่จะเข้าโครงการจับนำ จะเป็นข้าวของเกษตรกรจริงหรือไม่ รัฐบาลเตรียมมาตรการป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิ์โดยพ่อค้า โรงสีที่ซื้อข้าวไปแล้วหรือไม่ จะป้องกันคนเอาข้าวจากประเทศเพื่อนมานำเข้ามาจำนำได้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนแรกและขั้นตอนที่ 2 ที่เราห่วงเรื่องการทุจริต คือ เมื่อมีการจำนำหรือรับซื้อข้าวมาเยอะ การดูและรักษาข้าวในโกดังซึ่งมีปัญหามาทุกยุคทุกสมัย และขั้นตอนที่ 3 รัฐบาลซื้อในราคาที่สูงกว่าตลาดสุดท้ายก็ต้องขายขาดทุน ซึ่งการขายตรงนี้จะขายราคาอย่างไรที่จะหลีกเลี่ยงการทุจริตได้ ขณะเดียวกัน ก็ถูกแรงกดดันจากการที่มีข้าวอยู่ในสต๊อกเยอะ ซึ่งอาจทำให้ข้าวเสื่อมสภาพและต้องเร่งระบาย จึงทำให้รัฐบาลที่แล้วยกเลิกโครงการรับจำนำเพราะ ไม่ต้องการให้มีช่องว่างเหล่านี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณี คณะกรรมการอิสระตรวจสอบค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาซึ่งบางคนมาจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัวอย่างเช่น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ ว่า ไม่เป็นไร ตนได้พูดคุยกับกรรมการที่มาพบเมื่อวันก่อน เขายืนยันว่า เขาจะทำงานอย่างอิสระ ตนจึงคิดว่า เขาต้องการแรงสนับสนุนให้ทำงานตรงไปตรงมาปราศจากการกดดันทางการเมืองหรือทางอื่น