“ปราโมทย์” หนุนแนวคิด “แก้วสรร” เชื่อ “ระบอบทักษิณใหม่” เกิดแน่ 100 เปอร์เซ็นต์ หากกองทัพ-ราชการ-สื่อ-ปัญญาชนสยบยอม หวังเวลาผ่านไปประชาชนตาสว่างรู้ว่าเผด็จการประชานิยมเป็นสิ่งหลอกลวง และนำมาเป็นบทเรียนสร้างประะชาธิปไตยที่ถูกต้องขึ้นมาแทนได้
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 21 ก.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. ศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ ได้ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ดำเนินรายการโดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ
โดยผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงบทความของนายแก้วสรร อติโพธิ ที่ระบุว่าราวเดือนมีนาคม 2555 กระบวนการเลือกสสร.ก็จะเริ่มขึ้น โดยต้องมีพิมพ์เขียวเตรียมไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งนอกเหนือจากแนวทางที่ได้จาก คอ.นธ.แล้ว ก็น่าจะล่วงเข้ามามีบทบัญญัติยกเลิกวุฒิสภาด้วยอีกส่วนหนึ่ง
น่าเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนุญใหม่นี้จะถูกปรุงแต่งแสดงตัวเป็นประชาธิปไตยอย่างสุดแรงเกิดทั้งการยกเลิกวุฒิสภา, จำกัดอำนาจองค์กรอิสระทั้งปวง,การให้สภาผู้แทนรับรอง กต. หรือตุลาการระดับสูง หรือองค์กรอิสระ, การนำระบบลูกขุนมาใช้ในศาลไทยฯ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ ในปัจจุบันต้องมีแนวทางและเจ้าของความคิดซุ่มร่างวางแนวไว้แล้วทั้งสิ้น และในไม่ช้าผู้สมคบทางวิชาการเหล่านี้จะปรากฏตัวให้เห็นเป็นตัวเป็นๆ อยู่ใน คน.อธ.อย่างแน่นอน
ประเมินได้ว่า กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้จะต้องถูกเร่งรัดอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากการเร่งปล่อยกระแสความคิดเรื่องหลักนิติธรรมแห่งชาติโดยกลไก คอ.นธ.มาตั้งแต่เดือนที่สองของรัฐบาล แล้วต้องตามด้วยการสร้างเวทีสาธารณะกระพือความเห็นตามเป็นระลอกไปตลอด จนไม่ต้องเสียเวลาทำความคิดในสังคมให้มากมายในช่วงร่างรัฐธรรมนูญอีกต่อไป กรณีจึงเป็นไปได้ว่าน่าจะได้รัฐธรรมนูญใหม่ในราวเดือนมิถุนายน 2555 แล้วอีก 2 เดือนต่อมาก็จะได้นายกรัฐมนตรีใหม่ชื่อทักษิณ ชินวัตร
การปกครองนับแต่นั้นจะเป็นระบอบทักษิณใหม่ มีฐานมวลชนเสื้อแดงเกลื่อนอยู่ในชุมชนทุกแห่ง นายหน้าหรือแกนนำจะแทรกอยุ่ใน อบต.และเทศบาลต่างๆ ข้าราชการที่สวามิภักดิ์จะถูกแต่งตั้งมาดูแลพื้นที่ทั้งปวง ส.ส.จะลดความหมายลงเป็นอันมาก นายกฯทักษิณ จะมีอำนาจบริหารเข้มแข็งเหนือสภา เหนือพรรค แผ่อำนาจส่งคณะผู้นำยึดกระทรวงกรมต่างๆ โดยไม่ต้องยึดเสียงในสภาไม่ต้องคอยเอาใจให้ ส.ส.ขาใหญ่เป็นรัฐมนตรี เพราะ ส.ส.ทุกคน ได้เป็น ส.ส.เพราะอำนาจพรรคและมวลชนแดง จึงไม่มีซุ้มมีมุ้งให้ต่อรองอะไรได้อีกแล้ว
ในระบอบข้างต้น การตรวจสอบจะไม่มีความหมาย เพราะระบอบทักษิณยึดช่องทางสื่อสารมวลชนทุกระดับทุกชนิดไว้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว องค์กรอิสระจะเหลือแต่สังขารทางกฎหมายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ความเคลื่อนไหวภาคประชาชนจะเงียบสงัดถูกนักเลงเสื้อแดงหรือลูกจ้างอุทยานฯ กำราบเป็นระยะ เอ็นจีโอจะสยบยอมรอขอเงินอุดหนุนเข้ากองทุนต่างๆ จากระบอบเป็นหลัก
สำหรับด้านความคิดนั้น ภาพความเป็นท่านผู้นำของทักษิณ จะถูกสร้างเสริมเข้าสู่จุดสูงสุด ไม่มีอะไรที่พึ่งพาท่านผู้นำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ท่านไม่รู้ ไม่คิด ไม่เห็น ไม่มีอะไรที่ท่านลังเลหรือรีรอหรืออ่อนแอ ไม่มีใครที่มีแสงในตนเองแล้วประชันแสงกับท่านได้ อย่าฝ่าฝืน อย่าขัดขวางท่านผู้นำ แม้แต่จะคิดก็ผิดแล้วตายไปครึ่งตัวแล้ว"
ด้าน นายปราโมทย์กล่าวว่า มีส่วนที่จะเป็นจริงได้ ถ้าไม่มีการขัดขวาง หรือไม่มีปัจจัยอื่น ปัจจัยที่ทำให้การเมืองไทยมีปัญหาอยู่ตลอดก็คือการขาดสมดุลระหว่างประชาชน ส่วนราชการ อำนาจทหาร สถาบันกษัตริย์ อำนาจการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ความสัมพันธ์และสมดุลที่ไม่ดี แก่งแย่งต่อสู้ แตกแยก เกิดความไม่สงบเป็นครั้งเป็นคราว สิ่งเหล่านี้เวลานี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าสยบอยู่ภายใต้การก้าวเข้ามาของทักษิณทุกอย่าง
เห็นได้ชัดเลยระบอบทักษิณพยายามใช้อเมริกันสยบทหาร สยบสิ่งที่เรียกว่าสถาบัน อเมริกันบอกว่าต้องให้พรรคของทักษิณกลับเข้าสู่อำนาจโดยปราศจากการแทรกแซง หรือขัดขวางของกองทัพ อเมริกาคิดอย่างนี้มานานแล้ว ด้วยความลำเอียง เขาคิดมาตลอดว่าประชาธิปัตย์พูดไม่รู้เรื่อง งี่เง่า และยังบอกอีกว่าปัญหาในเมืองไทยไม่มีอะไรรอให้เปลี่ยนผ่านเพราะพระชนม์มายุสูงแล้ว และจะหมดปัญหาเอง นี่คือสิ่งที่อเมริกาเขียน แม้ไม่เป็นเอกสารทางราชการแต่ก็มาจากกลุ่มทางการ ที่สามารถนำไปสู่นโยบายของอเมริกาที่มีต่อประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาไทยก็จะอยู่ในกำมือสหรัฐฯ ถึงไม่กลับมาเขาก็จะใช้วิธีแทรกแซง รวมถึงกลุ่มทุนน้ำมันต่างๆ ด้วย แต่ทั้งหมดไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณกำหนดเพียงคนเดียว
นายปราโมทย์กล่าวอีกว่า ฝันไปอย่างสูงสุดว่าเป็นอย่างนี้ได้ถ้าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งหมด กองทัพเปลี่ยนไปเป็นของทักษิณ ราชการยอมราบคาบหมด สื่อยอม ปัญญาชนยอม ทักษิณก็เดินมาได้อย่างที่นายแก้วสรรพูด 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเอ็นจีโอเป็นสันดานอยู่แล้ว พอใครมีอำนาจก็ไปขอเขา ต้องไปพูดเพราะๆ ด้วย ทำให้อำนาจต่อรองทางศีลธรรมไม่มี
นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า จริงๆแล้วน่าเสียดายไทยหมดโอกาสสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้อง หรือมีโอกาสน้อยมาก มันจึงจะยืดยาวไปเมื่อเผด็จการประชานิยมได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้หลอกลวงประชาชน แต่ประชาชนเหล่านั้นจะได้บทเรียนหรือสร้างประะชาธิปไตยที่มีความสามารถรอบรู้ขึ้นมาแทนได้หรือไม่ ก็อยู่ที่การเรียนรู้ของประชาชน