นายกฯ ประธานถกยุทธศาสตร์แก้น้ำท่วม กทม.และปริมณฑล สั่งผู้ว่าฯ เน้น 2 อาร์ 2 พี ยันรัฐอนุมัติจ่ายไร่ละ 2,222 บาท และเงินเยียวยา 5 พันแล้วกว่า 70% พร้อมระดมเรือระบายน้ำลงทะเล เร่งหาจุดผันเพิ่ม รับภาคกลางยังน่าห่วง พร้อมเพิ่มวงเงินช่วยอีก 100 ล้าน จังหวัดไหนไม่พอขอให้บอก สื่อถามวิธีแก้ทวงหนี้นอกระบบ บอกโยนผู้ว่าฯ ใกล้ชิดชาวบ้าน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาอุทกภัยในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2554 โดยมีเพื่อป้องกันน้ำที่จะทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนโดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประธาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.รวมทั้ง ผวจ.ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ ผวจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือประมาณชั่วโมงครึ่ง
โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ที่เรียนเชิญมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง สืบเนื่องจากน้ำทะลักเข้ามายังพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพฯ ดังนั้น การพูดคุยกันเฉพาะกรุงเทพฯอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องรวมไปถึงนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาโดยรวมตามที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้แน่ใจว่า นโยบาย 2R2P ได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน และขณะนี้รัฐบาลได้มีการอนุมัติการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกร ไร่ละ 2,222 บาท และเงินเยียวยาครอบครัวละ 5,000 บาท ซึ่งวันนี้ได้มีการเบิกจ่ายแล้ว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่อีกไม่กี่วันนี้น้ำทะเลมีระดับลดลง การบริหารจัดการน้ำ ก็ต้องมาพูดคุยกัน โดยรัฐบาลได้น้อมนำพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาบริหารจัดการ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้ได้มีการะดมเรือกว่า 30 ลำมาปั่นกระแสน้ำให้ระบายออกไป โดยเฉพาะประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริ
ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากน้ำมาเร็วกว่าปกติประมาณ 1 เดือนครึ่ง ซึ่งปริมาณน้ำฝนมาเยอะมาก กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ต้องมาดูในภาพรวมสิ่งที่ต้องทำ คือ การระบายน้ำให้เร็วที่สุด เพราะเป็นช่วงข้างแรมน้ำทะเลขึ้นไม่สูง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำริมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งขณะนั้นได้มีการใช้เครื่องจักร แต่เนื่องจากกระแสน้ำที่มีขนาดที่ใหญ่ จึงต้องมีการใช้เรือ ซึ่งตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการนำเรือ ทั้งจาก กองทัพเรือ กองทัพบก การท่าเรือ กรมประมง โดยเริ่มที่แม่น้ำน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะเริ่มสปีดน้ำให้ไหลเร็วขึ้น 3 เท่า และจะดำเนินการไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้นอีก จากนั้นจะเร่งระบายน้ำตามคลองเล็ก ผ่านประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงวางแนวทางไว้ให้แล้ว ซึ่งการประชุมวันนี้ คือ การวางแนวทางการทำงาน 3 หลักคือ เทคนิค บริหารจัดการ และช่วยเหลือประชาชน
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมด้วย นายปลอดประสพ ได้แถลงกับผู้สื่อข่าว โดยนำแผนที่จุดเร่งปั่นกระแสน้ำทั้ง 7 จุดมาแสดงประกอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในวันสองวันนี้ ระดับทะเลจะลดลง ตนจึงให้ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือกับกรมชลประทานไปดูในเรื่องการผันน้ำระบาย น้ำลงสู่ทะเลให้เร็วขึ้น ซึ่งเราได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องของน้ำ ซึ่งตรงกับที่ได้มีการสั่งการไว้ โดยนำเรือทั้งหมด 30 ลำ กระจายตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของคลองลัดโพธิ์ ทั้งนี้ สิ่งที่เราทำนั้นเพื่อปั่นกระแสน้ำให้น้ำไหลลงสู่ทะเลเร็วขึ้น ดังนั้น การเร่งผันน้ำในวันนี้ทำให้ระดับน้ำลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ การประชุมในวันนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในแต่ละจังหวัด เพื่อเตรียมรับน้ำที่ไหลมาจากภาคเหนือตอนบนตอนล่าง และจากภาคกลางด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทหารนั้นมีกำลังที่จะสามารถผันน้ำได้เพิ่มอีก เราจึงเร่งหาจุดเพิ่มเติมในการผันน้ำออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือจุดใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมคาดว่าจะเป็นภาคกลาง เนื่องจากภาคกลางน้ำจะไหลลงมา แต่ในส่วนของการป้องกันเท่าที่ดูจากความพร้อม แล้วก็สบายใจ เพราะเราได้เชิญกรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยา มาหารือถึงวิธีการว่าเพียงพอหรือไม่ เมื่อถามว่า งบประมาณที่ไม่ทันการในการแก้ปัญหาจะทำอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องงบประมาณในวันนี้ ถือว่าไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่เกิดจากการที่บางจังหวัดอาจจะเป็นห่วงในเรื่องของระเบียบข้อบังคับต่างๆ แต่จริงๆ แล้วบางจังหวัดเบิกงบประมาณไป 200 ล้านบาทแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และความสบายใจเราจะเพิ่มวงเงินให้เบื้องต้น 100 ล้านบาท แต่หากจังหวัดใดไม่เพียงพอสามารถขอมาได้ทันที โดยจะประสานงานกับกรมบัญชีกลาง รัฐบาลจะสนับสนุนเต็มที่อย่างแน่นอน
ต่อข้อถามว่า นายกฯจะให้ กทม.ดูแลถนนทุกสายใน กทม.เองตามที่ทาง กทม.ต้องการหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือกันในรายละเอียด วันนี้ กทม.ทำงานร่วมมือกันอยู่ ซึ่ง กทม.มีการเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นคงต้องมีการวางแผนร่วมกัน เพราะมันเป็นมาสเตอร์แพลน หรือแผนหลักของทั้งประเทศ การบริหารจัดการนั้นอาจจะมาคุยกันได้เพื่อความสะดวกในเรื่องของการจัดการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเจ้าหนี้นอกระบบมาตั้งโต๊ะทวงนี้ชาวบ้านที่มารับเงินน้ำท่วมครอบครัวละ 5,000 บาท จะแก้ไขอย่างไร เพราะเหมือนเป็นการซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงให้พื้นที่ไปสอบถาม เพราะเป็นการกู้หนี้นอกระบบขณะนี้ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ใช้กลไกลต่างๆ เพื่อทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ซ้ำเติม ตนได้ติดตามปัญหามาโดยตลอด และสั่งการย้ำเพิ่มเติมแล้ว ส่วนการจ่ายเงินชดเชย 5,000 บาทนั้นภาพรวมที่ผ่านมาเราได้จ่ายเงินไปแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่า ไม่ได้ช้า เพราะปกติแล้วต้องรอถึงน้ำลด แต่น้ำลดไม่ถึงเดือนก็สามารถแจกจ่ายได้แล้ว ส่วนที่มีการข่มขู่ชาวบ้านนั้นเราคงต้องไปดูในเรื่องของท้องถิ่น เพราะว่าเป็นเรื่องนอกระบบ ต้องหาวิธีการที่จะแจ้งข้อมูลใกล้กับพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ในวันที่ 23 ก.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปลงพื้นที่น้ำท่วมเพื่อตระเวนเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัยที่ถือว่าอยู่ในพื้นที่ทีมีสถานการณ์หนักที่สุดที่การช่วยเหลือของภาครัฐเข้าไปไม่ถึง ประกอบด้วย จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และ ลพบุรี โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไปสำรวจว่า มีพื้นที่ใดหนักที่สุด และให้ชุดรักษาความปลอดภัยส่วนล่วงหน้าไปสำรวจพื้นที่ ก่อนที่นายกฯจะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ โดยนายกฯออกเดินทางไปในช่วงบ่ายของวันที่ 23 ก.ย.และจะตระเวนเยี่ยมประชาชนจนถึงช่วงกลางคืน เพื่อให้ทราบถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนอย่างแท้จริง จากนั้นก็จะเดินทางกลับ กทม.
