กกต.โยนอนุ กก.ไต่สวนคดี “ไอ้ตู่” ใหม่ สอบใน 30 วัน เผย ที่ประชุมอนุฯสรรหา เลขาฯ ใหม่ ยังเสียงแตกหลักเกณฑ์คัดตัว โยนเลขาฯ อนุ รวมระเบียบหลายชุดมาเสนอใหม่ 22 ก.ย.
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการประชุม กกต.ที่ประชุมได้มีการดำเนินการตามมติ กกต.ก่อนหน้านี้ ที่ให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงข้อกฎหมายกรณีคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยที่ประชุม กกต.มีมติมอบเรื่องดังกล่าวให้กับคณะอนุกรรมการพิจาณาเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านและข้อโต้แย้งของ กกต.ไปพิจารณา ซึ่งระยะเวลาในการสอบสวนนั้นตามปกติแล้วเบื้องต้นจะใช้เวลา 30 วัน
แหล่งข่าวจาก กกต.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีการประชุมนัดแรกวางกรอบในการเปิดรับสมัครเลขาธิการกกต.คนใหม่ โดยที่ประชุมได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวาง ว่า จะดำเนินการเปิดรับสมัครอย่างไร ก่อนที่จะให้เลขานุการของคณะอนุกรรมการ ไปดำเนินการศึกษาหาตัวอย่างของการประกาศเปิดรับสมัครเลขาธิการขององค์กรอิสระอื่น ว่า มีการกำหนดคุณสมบัติกันอย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาในการตั้งเงื่อนไขหลักเกณฑ์ รวมทั้งให้ยกร่างประกาศการรับสมัครเบื้องต้นมาเสนอให้อนุกรรมการพิจารณา ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะส่งให้กกต.พิจารณาในวันที่ 29 ก.ย.
“หากเอาแนวประกาศเปิดรับสมัครสมัยที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ ได้รับเลือก ซึ่งระบุว่า เคยผ่านงานด้านบริหารมา 10 ปี และชำนาญการเชิงบริหารเป็นที่ประจักษ์ มาเป็นเกณฑ์ก็เป็นหลักเกณฑ์ที่กว้างเกินไป หรือถ้าจะเอาหลักเกณฑ์เดิมสมัย กกต.ชุดที่ 1 และ 2 ที่กำหนดว่าจะต้องเป็นระดับอธิบดี หรือเทียบเท่า ก็มีอนุกรรมการบางคนไม่เห็นด้วย มองว่า จะเป็นการจำกัดสิทธิบุคคลหรือไม่ อีกทั้งเมื่อมองความต้องการของ กกต.ที่อยากได้คนหนุ่มไม่ถึงวัยเกษียณ และการที่กฎหมายกำหนดเบื้องต้น ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นเลขาธิการ กกต.ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ทำให้อนุกรรมการเห็นว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องกำหนดว่าผู้สมัครเลขา กกต.ต้องไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือกำหนดเพียงว่าผู้ที่สมัครจะต้องพ้นการเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 5 ปี” แหล่งข่าวกล่าว
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในการประชุม กกต.ที่ประชุมได้มีการดำเนินการตามมติ กกต.ก่อนหน้านี้ ที่ให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงข้อกฎหมายกรณีคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยที่ประชุม กกต.มีมติมอบเรื่องดังกล่าวให้กับคณะอนุกรรมการพิจาณาเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านและข้อโต้แย้งของ กกต.ไปพิจารณา ซึ่งระยะเวลาในการสอบสวนนั้นตามปกติแล้วเบื้องต้นจะใช้เวลา 30 วัน
แหล่งข่าวจาก กกต.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการดำเนินการสรรหาและตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีการประชุมนัดแรกวางกรอบในการเปิดรับสมัครเลขาธิการกกต.คนใหม่ โดยที่ประชุมได้มีการหารือกันอย่างกว้างขวาง ว่า จะดำเนินการเปิดรับสมัครอย่างไร ก่อนที่จะให้เลขานุการของคณะอนุกรรมการ ไปดำเนินการศึกษาหาตัวอย่างของการประกาศเปิดรับสมัครเลขาธิการขององค์กรอิสระอื่น ว่า มีการกำหนดคุณสมบัติกันอย่างไร เพื่อประกอบการพิจารณาในการตั้งเงื่อนไขหลักเกณฑ์ รวมทั้งให้ยกร่างประกาศการรับสมัครเบื้องต้นมาเสนอให้อนุกรรมการพิจารณา ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะส่งให้กกต.พิจารณาในวันที่ 29 ก.ย.
“หากเอาแนวประกาศเปิดรับสมัครสมัยที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ ได้รับเลือก ซึ่งระบุว่า เคยผ่านงานด้านบริหารมา 10 ปี และชำนาญการเชิงบริหารเป็นที่ประจักษ์ มาเป็นเกณฑ์ก็เป็นหลักเกณฑ์ที่กว้างเกินไป หรือถ้าจะเอาหลักเกณฑ์เดิมสมัย กกต.ชุดที่ 1 และ 2 ที่กำหนดว่าจะต้องเป็นระดับอธิบดี หรือเทียบเท่า ก็มีอนุกรรมการบางคนไม่เห็นด้วย มองว่า จะเป็นการจำกัดสิทธิบุคคลหรือไม่ อีกทั้งเมื่อมองความต้องการของ กกต.ที่อยากได้คนหนุ่มไม่ถึงวัยเกษียณ และการที่กฎหมายกำหนดเบื้องต้น ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นเลขาธิการ กกต.ต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ทำให้อนุกรรมการเห็นว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องกำหนดว่าผู้สมัครเลขา กกต.ต้องไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือกำหนดเพียงว่าผู้ที่สมัครจะต้องพ้นการเป็นสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 5 ปี” แหล่งข่าวกล่าว
