กกต.ยังอึมครึมหาคนนั่งเลขาฯ กกต.แทน “สุทธิพล” ที่ไปเป็น กสทช.โยนประธาน กกต.เปิดรับสมัครคัดตัว
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากที่ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และต้องลาออกจากการเป็นเลขาธิการ กกต.ภายใน 15 วันนั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งก็เคยได้หารือกันว่าเลขาธิการคนต่อไปจะเลือกคนในหรือคนนอก ซึ่งเรื่องนี้ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในมาตรา 33 ระบุว่า ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีเลขาธิการคนหนึ่ง ซึ่งประธาน กกต.แต่งตั้ง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานกกต.และรับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงานกกต.ขึ้งตรงต่อประธาน กกต.และจะให้มีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติงานรองจากเลขาธิการก็ได้
ซึ่งหน้าที่ของเลขาธิการ กกต.ก็จะมีหน้าที่เป็นเลขานุการของ กกต.ด้วย และการดำรงตำแหน่งจะมีวาระคราวละ 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน และในมาตรา 34 เลขาธิการ กกต.จะต้องเป็นผู้ที่มีความเป็นกลางทางการเมือง มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีสัญชาติไทย มีอายุไม่เกินหกสิบห้าปีบริบูรณ์ และมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ และความสำเร็จด้านการบริหารตามที่ กกต.กำหนด
ทั้งนี้ ทางสำนักงาน กกต.เองก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ว่า กกต.จะเอาคนนอกมาเป็นหรือจะเอาคนในขึ้นมาแทนที่ เพราะตำแหน่งของเลขาธิการ กกต.เป็นตำแหน่งที่ต้องทำงานเป็นเนื้อเดียวกับประธาน กกต.ได้ และทางการเมืองก็เห็นว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สามารถเป็นประโยชน์กับทางการเมืองด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่หมายปองของคนที่มีอำนาจจากทางการเมืองที่อาจจะหมายตาส่งคนลงประกวด และให้ กกต.คัดเลือก
ซึ่งเรื่องนี้ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ก็ได้เคยสอบถามต่อ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ผู้ที่ต้องแต่งตั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ก็ยังไม่มีคำตอบ ทำให้นายวิสุทธิ์ และ กกต.คนอื่นๆ ต่างก็แปลกใจ ว่า นายอภิชาต อาจจะมีใครที่จะเอาเข้ามารับตำแหน่งแล้วหรือไม่ ซึ่งก็ยังไม่มีทีท่าอะไร แต่ก็ได้มีการพูดกันว่าจะเอาคนในหรือไม่ ซึ่งก็มีกกต.บางคนก็เห็นว่าถ้าเอาคนในก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าจะได้สานงานต่อและมีโอกาสเติบโตทางสายงาน แต่ทั้งนี้ ก็ต้องแล้วแต่ว่าประธาน กกต.จะเห็นอย่างไร ถึงอย่างไรก็ตาม กรณีการคัดเลือกเลขาธิการทุกครั้ง จะมีการประกาศเปิดรับสมัครและจะมีการกำหนดเงื่อนไขโดย กกต.ซึ่งครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีการกำหนดเงื่อนไขมาก เพียงแต่ได้กำหนดกรอบกว้างๆเท่านั้นจึงเปิดทางให้นายสุทธิพลได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ กกต.ในครั้งนี้ได้ ไม่เหมือนกับ 2 ครั้งแรกที่ผ่านมา ผู้ที่จะมาสมัครเป็นเลขาธิการจะต้องเป็นอธิบดี หรือเทียบเท่า