แหล่งข่าวพื้นที่เขาวิหาร ย้ำทหารไทยเคลื่อนพลออกจากชายแดนไทย-เขมร เป็นการถอนกำลังรบพร้อมอาวุธหนักทั้งหมดออกจากพื้นที่ เหลือไว้แค่กำลังย่อยเฝ้าอยู่ เผยพื้นที่ทางทิศตะวันตกของตัวปราสาทพระวิหารใกล้ผาเป้ยตาดีซึ่งเป็นของไทย ปัจจุบันไม่มีทหารไทยควบคุมพื้นที่ ขณะที่ฝ่ายเขมรมีที่บัญชาการหน่วยทหาร ที่ทำการกองร้อยตำรวจรักษาพรมแดนที่ 795 และสำนักงานตำรวจพระวิหาร
วันที่ 19 ก.ย. สำนักข่าวฟิฟทีนมูฟ รายงานว่า หลังจากมีข่าวทหารไทยที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถอนกำลังพลพร้อมด้วยรถถัง 17 คัน ออกจากถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเพียงการสับเปลี่ยนกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่ได้มีการถอนกำลังหรืออาวุธออกจากพื้นที่แนวชายแดน ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ยังไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเพียงการปรับย้ายกำลังตามปกติ
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลกลับไปยังแหล่งข่าวในพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร ได้รับการยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อมูลยืนยันจากหลายฝ่ายพบว่า เป็นการถอนกำลังที่มีอยู่ออกไป โดยไม่มีการส่งหน่วยใหม่เข้าประจำการแทนที่ ส่วนรถถังใหญ่ที่ลำเลียงออกไปก็ไม่มีการส่งชุดใหม่เข้ามาแทน จึงยืนยันว่าเป็นการถอนทหารออกจากพื้นที่รอบนอกของเขาพระวิหาร ไม่ใช่การสับเปลี่ยนกำลัง ซึ่งใกล้เคียงกับคำยืนยันของผู้บัญชาการทหารบกที่ว่า เป็นการปรับย้ายกำลังออกจากพื้นที่
แหล่งข่าวสายความมั่นคงในพื้นที่อีกราย ให้คำยืนยันว่า การถอนทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก เมื่อวันที่ 17 กันยายน เป็นการถอนอัตรากำลังสำหรับการรบ ซึ่งเป็นอัตรากำลังพิเศษที่ถูกส่งเข้ามาเพื่อทำการรบโดยเฉพาะ สาเหตุหลักมาจากหมดงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการ เนื่องจากการประจำการรถถังใหญ่ในพื้นที่ใช้งบประมาณในการดูแลที่สูง ประกอบกับสถานการณ์ชายแดนที่เปลี่ยนไป ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องคงรถถังใหญ่และอัตรากำลังรบไว้อีก ดังนั้น อัตรากำลังรบและยุทโธปกรณ์หนักที่ถูกส่งเข้ามาประจำการจึงถูกถอนออกไปทั้งหมด รวมถึงหน่วยรบพิเศษจากลพบุรี ที่ปฏิบัติการเคลื่อนที่ในส่วนหน้า คงเหลือไว้เฉพาะนาวิกโยธินบางส่วน ซึ่งจะถูกถอนออกเป็นหน่วยสุดท้าย
แหล่งข่าวรายดังกล่าวย้ำว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน เป็นการถอนทหาร โดยกำลังที่เหลือประจำการเป็นอัตรากำลังปกติของพื้นที่ ซึ่งไม่มีอาวุธหนัก นอกจากอาวุธประจำหน่วยและรถถังเล็กจำนวนหนึ่ง
ปัจจุบันยังไม่มีรายงานชัดเจนว่ามีการถอนกำลังออกจากบางส่วนของพื้นที่ 4.6 ตร.กม. หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวมีเพียงกองกำลังย่อยจำนวนไม่มากเท่านั้นที่อยู่ประจำการ อีกทั้งพื้นที่สำคัญอย่างเช่น ตลาดร้านค้าชาวเขมร วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หรือพื้นที่ทางทิศตะวันตกของตัวปราสาทพระวิหารใกล้ผาเป้ยตาดีซึ่งเป็นของไทยนั้น ปัจจุบันไม่มีทหารไทยควบคุมพื้นที่ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชามีที่บัญชาการหน่วยทหารที่ทำการกองร้อยตำรวจรักษาพรมแดนที่ 795 และสำนักงานตำรวจพระวิหาร