รัฐมนตรีกลาโหม อ้างนายกฯ เรียกพบวานนี้ คุยน้ำท่วมขอเรือดันน้ำลงทะเล ไม่เกี่ยวโผทหาร ยันโยกย้ายไม่มีอะไรขยับ แต่รับเคลียร์ เลขาฯ นายกฯ หลังไม่ยอมชง ครม.เปิดอัตราจอมพล เก้าอี้ ปธ.กุนซือ กห.ชี้ หากสงวนไว้จะกระทบโผ ลั่นไม่ขัดแย้ง “ปู” พร้อมทำตามฐานผู้ใต้บังคับบัญชา เชื่อส่งทูลเกล้าฯ ทันแน่
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เดินทางไปเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังมีกระแสข่าวเพื่อปรับแก้บัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีในตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่ข่าวระบุว่าตนไปพบเรื่องโผทหาร แต่ท่านนายกรัฐมนตรีเรียกไปพบเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 14 ก.ย.จริง เพื่อให้กระทรวงกลาโหมขอรับการสนับสนุนเรือดันน้ำจาก กองทัพบก และ กองทัพเรือ ในการแก้ไขปัญหาการผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงทะเล เพราะในช่วงดังกล่าวน้ำทะเลลดต่ำสุดในช่วง 7 วัน ทั้งนี้ เพื่อทำให้มีพื้นที่ในการรับน้ำจากอยุธยาที่จะไหลมากรุงเทพ ฯ หากดำเนินการผันน้ำออกไปได้เร็วก็จะไม่มีปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ นอกจากนั้น กลาโหมยังได้รับมอบหมายให้ดูน้ำท่วม ใน จ.น่าน ซึ่งตนจะเดินทางลงพื้นที่ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จึงยืนยันว่าไม่ได้คุยไม่มีเรื่องโผโยกย้าย
“อย่าไปว่าท่านายกฯ เลย อย่ามองว่า ท่านมีเจตนาไม่ดี เรื่องโยกย้ายขณะนี้ยังไม่มีการขยับอะไร แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยผมขอเรียนให้ทราบเลยว่า เมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) ผมคุยกับนายกฯ 15 นาที แต่จากนั้นอีก 15 นาทีถัดมา ผมคุยกับ คุณบัณฑูร (นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกฯ) เพราะมีปัญหาที่ท่านยังไม่เสนอ ครม. เปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม อัตราจอมพล ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่า การที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เสนอเรื่องไปที่คณะรัฐมนตรีเพื่อเปิดอัตราดังกล่าว เพราะอยากสงวนตำแหน่งไว้ และอยากให้การแก้ไขปัญหาของกระทรวงกลาโหม เป็นไปตามเป้าหมายเดิม ที่รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็น รมว.กลาโหม ที่ริเริ่มเปิดอัตราจอมพล เพื่อแก้ไขปัญหานายพลระดับสูงในกองทัพ ซึ่งนับแต่ยุคที่ นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม เป็นต้นมาจนถึงรัฐบาลที่แล้ว มีการเปิดอัตราดังกล่าวจนดูเหมือนเป็นตำแหน่งประจำ ไม่ได้รักษานโยบายเดิมที่ได้ริเริ่มไว้
“แต่ผมก็เรียนท่านเลขาธิการนายกฯ ไปว่า ถ้าต้องการรักษานโยบายเดิมโดยสงวนไว้แก้ไขปัญหาในอนาคต จะเกิดปัญหากระทบต่อการปรับย้ายในครั้งนี้ ไล่ตั้งแต่พลตรีที่จะขึ้นพลโท, พลโทที่จะเป็นพลเอก และ พลเอกที่ขึ้นจอมพล ผมก็เรียนไปว่ามีปัญหาแน่นอน เพราะการประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการบรรจุตำแหน่งนี้ในโผไปแล้ว จึงส่งเรื่องไปเพื่อขออนุญาตให้ ครม.อนุมัติอัตราดังกล่าวมารองรับ ได้บอกเหตุผลเลขาธิการนายกฯ ไปแล้วว่า ผลกระทบเป็นแบบนี้ ซึ่งแล้วแต่ท่านจะบรรจุหรือ จะสงวนตำแหน่งนี้ไว้ ถ้าไม่สงวนก็จบ ถ้าสงวนก็ต้องขอความคิดเห็นคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลใหม่”
เมื่อถามว่า หากนายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนโผทหารต้องหารือกับเหล่าทัพก่อนหรือไม่ พล. อ. ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ต้องหารือ แต่มีสิทธิ์ที่จะให้นโยบาย เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาของตนและของกองทัพ ท่านมีสิทธิ์สั่งการ และให้นโยบายแต่ขณะนี้ท่านไม่ได้ทำ ถ้าทำท่านก็มีสิทธิ์ ไม่ใช่ว่าท่านจะเปลี่ยน แต่ถ้าท่านสั่งการ ตนก็ปฏิบัติทันที เพราะตนเป็นทหาร และเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา
เมื่อถามว่า มีความขัดแย้งกับฝ่ายการเมือง ที่ดึงเรื่องการเปิดอัตราจอมพลเพื่อต่อรองการเปลี่ยนตัวผู้มาเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การพิจารณาไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งเหลือปัญหาตรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมเท่านั้นเอง ถ้าเลขาธิการนายกรัฐมนตรี บอกว่า ตำแหน่งนี้จะไม่เปิด ก็ต้องเรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลใหม่ เมื่อถามว่า เลขาธิการนายกเป็นฝ่ายการเมืองไม่มีหน้าที่ดูเรื่องอัตราจอมพล พล. อ. ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “ท่านต้องรับนโยบายมา ท่านไม่ต้องให้นายกฯพูดหรอก ท่านเลขาฯพูดกับผม ผมก็โอเคแล้ว”
เมื่อถามว่า ยังยืนยันอำนาจของ รมว.กลาโหม ในการเสนอคนเดิมขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า หากมีการเปิดประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับชั้นนายพลใหม่ ก็ต้องแล้วแต่คณะกรรมการที่จะพิจารณาอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ก็ต้องไปคุยกันในที่ประชุมอีกครั้ง ส่วนจะประชุมบอร์ดใหม่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเลขาธิการนายกฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาทบทวนรายชื่อของผู้ที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงโหมที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ส่วนจะมีการปรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการที่จะประชุมต่อไป แต่ยืนยันว่าจะพิจารณาได้ทันส่งขึ้นทูลเกล้าฯ และ โปรดเกล้าฯในวันที่ 1 ต.ค.นี้
“ผมไม่ขัดแย้งกับท่านนายกฯ เพราะผมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำตามผู้บังคับบัญชาทุกเรื่อง ผมสนองตอบต่อผู้บังคับบัญชาทุกเรื่อง” พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวเสียงอ่อย พร้อมบอกว่า คำสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า “หมัดหนัก” พร้อมที่หนุน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น ตนไม่ได้พูด แต่นักข่าวไปเขียนเอง โดยต้องการให้ตนมีภาพความเข้มแข็ง เพราะตอนนี้ตนก็อายุมากแล้ว