“สุขุมพันธุ์” ตรวจความพร้อมการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก เผยสั่งเฝ้าระวังน้ำท่วมกรุงยาวถึงเดือนพฤศจิกายนนี้
วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะผู้บริหาร กทม.ตรวจเยี่ยมการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม ณ ประตูระบายน้ำวัดลาดกระบัง ถ.ลาดกระบัง ซึ่งใช้เป็นประตูระบายน้ำที่กั้นน้ำจากคลองประเวศบุรีรมย์ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์และป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในพื้นที่เขตประเวศ สวนหลวง และ เขตบางนา โดยบริเวณประตูน้ำวัดลาดกระบังจะสามารถเห็นความแตกต่างของระดับน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์และพื้นที่ชั้นในได้ชัดเจน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีระดับความสูงของน้ำต่างกันประมาณ 40-50 เซนติเมตร
ทั้งนี้ หากมีปริมาณน้ำจากทางเหนือของกรุงเทพฯ ไหลมาในปริมาณมาก กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำไปสู่สถานีสูบน้ำคลองพระโขนง เพื่อไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่เขตลาดกระบัง ประเวศ มีนบุรี คลองสามวา และหนองจอก และกรณีที่มีการระบายน้ำปริมาณมากออกจากคลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิต ประตูระบายน้ำวัดลาดกระบังจะกั้นไม่ให้น้ำเข้ามาท่วมในพื้นที่เขตลาดกระบัง ประเวศ และพื้นที่เขตชั้นใน
จากนั้นเวลา 11.30 น.ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังกลุ่มงานระบายน้ำบริเวณใต้ทางยกระดับทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่รวมยานพาหนะ เครื่องจักรกล และเครื่องทุ่นแรง สำหรับการปฏิบัติงานแก้ไขและป้องกันปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพตะวันออก เพื่อตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกลุ่มงานระบายน้ำ หน่วยบริการเร่งด่วน (หน่วยเบสท์) ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตลาดกระบัง และหน่วยเก็บผักตบชวาของสำนักการระบายน้ำ กทม.โอกาสนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้ร่วมพบปะข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเขตลาดกระบัง ประเวศ สะพานสูง บึงกุ่ม และบางกะปิ จำนวน 750 คน เพื่อกล่าวแสดงความขอบคุณในการทำงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น.ผู้ว่าฯ กทม.และคณะ เดินทางถึงสถานีสูบน้ำบริเวณสหกรณ์การเกษตรเขตหนองจอก ถ.สังฆสันติสุข ซึ่งเป็นสถานีสูบน้ำของกรมชลประทาน และเป็นสถานีสูบน้ำที่สร้างกั้นคลองแสนแสบ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 20 เครื่อง มีกำลังสูบ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีประตูระบายน้ำ 1 บาน ใช้ควบคุมระดับน้ำในคลองแสนแสบให้อยู่ในระดับที่กำหนด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เขตหนองจอก และฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ กรณีที่น้ำจากทางเหนือไหลลงมาในปริมาณมาก สถานีสูบน้ำดังกล่าวจะทำการลดระดับน้ำในคลองแสนแสบเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจความพร้อมการป้องกันน้ำท่วม ผู้ว่าฯ กทม. และได้เดินทางไปพบปะข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเขตหนองจอก มีนบุรี คลองสามวา และ คันนายาว จำนวน 600 คน ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติงานและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้แทนจาก 4 สำนักงานเขต พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณในการทำหน้าที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยความเสียสละอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ปริมาณน้ำในปีนี้มีมากกว่าทุกปี แต่กทม.ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการเฝ้าระวังไปจนถึงเดือน พ.ย.2554 เนื่องจากปีนี้จะมีฝนตก และมีปริมาณน้ำจากทางเหนือไหลมาสู่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้สำนักงานเขต ดูแลและเตรียมพร้อมในการรับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม และจัดเตรียมโรงเรียนในสังกัด กทม.ไว้เป็นที่พักชั่วคราวให้แก่ผู้ประสบภัยอุทกภัยกทม.
วันนี้ (16 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะผู้บริหาร กทม.ตรวจเยี่ยมการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม ณ ประตูระบายน้ำวัดลาดกระบัง ถ.ลาดกระบัง ซึ่งใช้เป็นประตูระบายน้ำที่กั้นน้ำจากคลองประเวศบุรีรมย์ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์และป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในพื้นที่เขตประเวศ สวนหลวง และ เขตบางนา โดยบริเวณประตูน้ำวัดลาดกระบังจะสามารถเห็นความแตกต่างของระดับน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์และพื้นที่ชั้นในได้ชัดเจน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะมีระดับความสูงของน้ำต่างกันประมาณ 40-50 เซนติเมตร
ทั้งนี้ หากมีปริมาณน้ำจากทางเหนือของกรุงเทพฯ ไหลมาในปริมาณมาก กทม.จะเปิดประตูระบายน้ำไปสู่สถานีสูบน้ำคลองพระโขนง เพื่อไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่เขตลาดกระบัง ประเวศ มีนบุรี คลองสามวา และหนองจอก และกรณีที่มีการระบายน้ำปริมาณมากออกจากคลองพระองค์เจ้าไชยยานุชิต ประตูระบายน้ำวัดลาดกระบังจะกั้นไม่ให้น้ำเข้ามาท่วมในพื้นที่เขตลาดกระบัง ประเวศ และพื้นที่เขตชั้นใน
จากนั้นเวลา 11.30 น.ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังกลุ่มงานระบายน้ำบริเวณใต้ทางยกระดับทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่รวมยานพาหนะ เครื่องจักรกล และเครื่องทุ่นแรง สำหรับการปฏิบัติงานแก้ไขและป้องกันปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพตะวันออก เพื่อตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของกลุ่มงานระบายน้ำ หน่วยบริการเร่งด่วน (หน่วยเบสท์) ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตลาดกระบัง และหน่วยเก็บผักตบชวาของสำนักการระบายน้ำ กทม.โอกาสนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้ร่วมพบปะข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเขตลาดกระบัง ประเวศ สะพานสูง บึงกุ่ม และบางกะปิ จำนวน 750 คน เพื่อกล่าวแสดงความขอบคุณในการทำงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และมอบเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น.ผู้ว่าฯ กทม.และคณะ เดินทางถึงสถานีสูบน้ำบริเวณสหกรณ์การเกษตรเขตหนองจอก ถ.สังฆสันติสุข ซึ่งเป็นสถานีสูบน้ำของกรมชลประทาน และเป็นสถานีสูบน้ำที่สร้างกั้นคลองแสนแสบ มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 20 เครื่อง มีกำลังสูบ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีประตูระบายน้ำ 1 บาน ใช้ควบคุมระดับน้ำในคลองแสนแสบให้อยู่ในระดับที่กำหนด เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่เขตหนองจอก และฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ กรณีที่น้ำจากทางเหนือไหลลงมาในปริมาณมาก สถานีสูบน้ำดังกล่าวจะทำการลดระดับน้ำในคลองแสนแสบเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ให้เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจความพร้อมการป้องกันน้ำท่วม ผู้ว่าฯ กทม. และได้เดินทางไปพบปะข้าราชการและลูกจ้างของสำนักงานเขตหนองจอก มีนบุรี คลองสามวา และ คันนายาว จำนวน 600 คน ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติงานและมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้แทนจาก 4 สำนักงานเขต พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณในการทำหน้าที่แก้ไขปัญหาน้ำท่วมด้วยความเสียสละอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ปริมาณน้ำในปีนี้มีมากกว่าทุกปี แต่กทม.ได้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการเฝ้าระวังไปจนถึงเดือน พ.ย.2554 เนื่องจากปีนี้จะมีฝนตก และมีปริมาณน้ำจากทางเหนือไหลมาสู่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม.ได้มอบหมายให้สำนักงานเขต ดูแลและเตรียมพร้อมในการรับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม และจัดเตรียมโรงเรียนในสังกัด กทม.ไว้เป็นที่พักชั่วคราวให้แก่ผู้ประสบภัยอุทกภัยกทม.
