อย่าให้วาระ “แม้ว” เยือนเขมรบดบังความเดือดร้อนชาวบ้าน!!

ผ่าประเด็นร้อน

คาดว่าภายในปลายสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ข่าวคราวที่สื่อจะต้องนำเสนอกันอย่างครึกโครม มีทั้งประเภทที่จงใจกระพือให้ตื่นเต้นน่าเร้าใจ กับประเภทที่ต้องรายงานไปตามกระแส ก็คือ วาระการเดินทางไปเยือนกัมพูชาของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการเปิดเผยออกมาแล้วว่าจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 16-24 กันยายนนี้

ที่น่าสนใจก็คือเป็นการเดินทางมากัมพูชาหลังจากที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปเยือนแบบไปเช้าเย็นกลับในวันที่ 15 กันยายน เพียงหนึ่งวันเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นวาระที่ “จงใจ” เปิดเผยออกมาให้สาธารณะได้รับรู้เท่านั้น ซึ่งจะได้มีการวิเคราะห์กันต่อไปว่าทำไมต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการพบปะกัน

สิ่งที่หลายฝ่ายประเมินตรงกันก็คือ ในการเดินทางไปเยือนกัมพูชาเที่ยวนี้ มันต้องมี “วาระแอบแฝง” ปะปนอยู่ด้วยอย่างแน่นอน และถ้าพิจารณาจากผลประโยชน์ที่จะตามมามหาศาลเชื่อว่าวาระดังกล่าวนี่แหละคือ “เรื่องหลัก” ที่น่าจะได้หารือกันจนเป็นข้อสรุป

ถ้าพูดกันแบบไม่อ้อมค้อมแบบรวบรัดตัดความวาระแอบแฝงที่หลายคนกำลังสงสัยติดตามกันก็คือ เรื่อง “ธุรกิจพลังงาน” ในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ซึ่งหากใครได้ติดตามความเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่การขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับเทมาเส็กของสิงคโปร์นับแสนล้านบาท เมื่อต้นปี 2549 หรือก่อนหน้านั้นในกรณีการแปรรูป ปตท. หรือแม้แต่กระทั่งกรณีฮุบโรงกลั่นของทีพีไอ รวมไปถึงความพยายามแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็มีคนสงสัยว่ามีเป้าหมายเดียวกัน ก็คือ เทขาย “ธุรกิจการสื่อสาร” ที่เริ่มมีการแข่งขันสูง มาเป็น “ธุรกิจพลังงาน” ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้มากกว่าหรือไม่

สำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา ซึ่งหากให้ตีวงแคบเข้ามาอีกก็ต้องบอกว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้นำกัมพูชา คือ ฮุนเซน โดยเฉพาะเท่านั้น และที่ผ่านมาก็การตั้งข้อสังเกตกันว่าทั้งสองฝ่ายเคยมีการหารือตกลงกันไปแล้วในเบื้องต้น แต่ยังไม่ทันได้ข้อสรุปฝ่ายหลังก็ถูกรัฐประหารตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเสียก่อนเมื่อปี 2549 ทำให้การสานต่อติดๆ ขัดๆ เรื่อยมา แม้ว่าจะมีรัฐบาล “นอมินี” ต่อเนื่องกันถึงสองรัฐบาลคือ รัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เนื่องจากเป็นรัฐบาลในช่วงสั้นๆ และถูกประชาชนขับไล่

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะเว้นวรรคในช่วงรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่อาจทำข้อตกลงอะไรได้เป็นความคืบหน้า แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง ทักษิณ กับ ฮุนเซน แล้วถือว่าแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ดังจะเห็นได้จากบทบาทของผู้นำกัมพูชาในการช่วยกระทุ้ง ปัดแข้งปัดขาดิสเครดิตผู้นำของไทยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทยของทักษิณ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายแฮปปี้แค่ไหน ดังจะเห็นได้จากสารแสดงความยินดีจากผู้นำประเทศกัมพูชาที่ส่งเข้ามาถึงเป็นประเทศแรกๆ กันเลยทีเดียว

เมื่อความสัมพันธ์แนบแน่นแบบนี้มันก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าบรรยากาศในการเยือนกัมพูชาในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะชื่นมื่นยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด

กำหนดการเดินทางเยือนกัมพูชาของทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่วันที่ 16-24 กันยายนนี้ หากพิจารณาจากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน จะรับรู้ทันทีว่าทักษิณเป็นบุคคลสำคัญ เพราะนอกจากเป็นแขกเกียรติยศเข้าหารือกันอย่างใกล้ชิด มีกิจกรรมร่วมกันมากมาย รวมไปถึงการมอบรางวัลในฐานะมี “คุณูปการ” อันใหญ่หลวง

นอกเหนือจากถูกจับตาเรื่องวาระพิเศษด้านธุรกิจพลังงานแล้ว ยังมีวาระสำคัญที่จัดวางไว้ล่วงหน้าโดยคาดหมายกันว่าจะมีการเจรจาให้ปล่อยตัว วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติที่กำลังถูกจำคุกอยู่ที่นั่นกลับมา ซึ่งแน่นอนว่านี่คือวาระสำหรับการสร้างภาพ “ฮีโร่” สามารถหว่านล้อมให้ปล่อยตัวออกมา หลังจากรัฐบาลยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้ให้การช่วยเหลืออย่างจริงจัง เป็นการได้ภาพบวกสองต่อ อย่างแรกเป็นการตบหน้ารัฐบาลชุดที่แล้ว และประการถัดมาเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แนบแน่น จับมือกันสร้างประโยน์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย สามารถชี้นำให้เห็นว่าตัวเขายังมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองมากมาย ต้องนำศักยภาพมาใช้ให้มีประโยชน์ เพิ่มน้ำหนักในเรื่องการ “อภัยโทษ” ขึ้นไปอีก

ขณะเดียวกัน แม้ว่าการเดินทางไปกัมพูชาเที่ยวนี้ของ ทักษิณ ตามข่าวบอกว่าจะไม่ได้พบกับ น้องสาว คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้มีปัญหากระทำผิดมาตรา 157 กรณีละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากทักษิณเป็นนักโทษหลบหนีคดี ขณะที่ ยิ่งลักษณ์ มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจมีปัญหา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะการพบปะหารืออาจไม่ได้เป็นที่เปิดเผย หรือสามารถสั่งการทางเครื่องมือสื่อสารล้ำยุคได้หลายช่องทางอยู่แล้ว หรือก่อนหน้านี้ระหว่างการเดินทางไปเยือนบรูไนเป็นประเทศแรก รวมทั้งถัดมาเป็น อินโดนีเซีย อาจมีการพบปะกันแล้วก็ได้ และยิ่งไปกว่านั้นทั้งสามประเทศดังกล่าวล้วนมีข่าวโยงใยกับธุรกิจของ ทักษิณ ทั้งสิ้น

นอกเหนือจากนี้ที่น่าจับตาก็คือ การเดินทางไปเยือนกัมพูชาทั้ง นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงสุดสัปดาห์หากให้สรุปนาทีนี้เชื่อว่าจะต้องยิ่งใหญ่ อลังการ จนสามารถหันเหความสนใจของสื่อทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อภายในประเทศจนทำให้อีกด้านหนึ่งอาจทำให้บดบังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่กำลังถูกน้ำท่วมอย่างแสนสาหัสออกไปได้ชั่วคราว ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าถูกวิจารณ์ติดภาพลบไม่น้อย!!