xs
xsm
sm
md
lg

ลองเชิงในสภา

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

แถลงนโยบายรัฐบาลผ่านไปอย่างสบายพร้อมมีหวาดเสียว สภามีปัญหาเกิดจากประธานถูกประท้วง จนเกิดจะมีการเดินออกจากสภาและสภาเกือบล่ม เพราะฝ่ายค้านไม่พอใจประธานสภาขุนฆ้อน
นโยบายที่รัฐบาลแถลงมีทั้งสิ้น ๔๔ หน้า ครอบคลุมนโยบายเร่งด่วนที่จะทำระยะสั้นช่วงปีแรก และระยะยาว ๔ ปี สรุปว่าสถานการณ์และสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง ๓ ประการ คือด้านเศรษฐกิจที่ผ่านมาเรามีความเสี่ยงสูงก้าวไม่พ้นวิกฤติได้อย่างยั่งยืน เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอนสูงอยู่ในการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองไปสู่ศูนย์กลางใหม่คือ ทวีปเอเชียในระยะยาว

๒ การเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แม้จะมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาผูกโยงกับเศรษฐกิจโลก แต่ความขัดแย้งดังกล่าว มีผลต่อการวางพื้นฐานเพื่ออนาคตในระยะยาวและทำให้เสียโอกาสในการเดินหน้าพัฒนาประเทศในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา
ประการที่สาม การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างประชากร และสังคมไทยสู่สังคมผู้สูงอายุมีผลต่อปริมาณและคุณภาพของคนไทยในอนาคต

นโยบายการบริหารของรัฐบาลนั้น ยึดหลักการบริหารที่ยืดหยุ่น คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกที่จะกระทบต่อการดำเนินการของรัฐบาล
การแถลงนโยบายยังกล่าวถึงเศรษฐกิจสมดุล นโยบายปรองดองและการรับใช้ประชาสังคม ในขณะที่จะป้องกันปราบปรามยาเสพติด ปราบปรามทุจริต ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน พักหนี้ครัวเรือนของเกษตรกรรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย ปรับโครงสร้างหนี้สำหรับผู้มีหนี้เกิน ๕ แสนบาท เพิ่มรายได้รายวันสำหรับแรงงานเป็นวันละ ๓๐๐ บาท ปรับเงินเดือนปริญญาตรีเป็น ๑๕,๐๐๐ บาท ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้เหลือร้อยละ ๒๓ ในปี ๒๕๕๕ และลดลงเหลือร้อยละ ๒๐ ในปี ๒๕๕๖ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวโดยจัดปี ๒๕๕๔ ถึงปี ๒๕๕๕ เป็นปีมหัศจรรย์ไทยแลนด์ แจกคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้โรงเรียนระดับประถมศึกษาปีที่หนึ่งเป็นการทดลองในโครงการนำร่องสำหรับปีการศึกษา ๒๕๕๕ และนโยบายอื่นๆ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีนโยบายหลักที่น่าสนใจคือรถไฟฟ้าตลอดสาย๒๐บาทและการให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำความสุขคืนให้กับคนไทย
หลังการแถลงนโยบายสิ้นสุดลงก็มีรายงานออกมาว่ามีการระดมคนในฝ่ายรัฐบาลที่ใช้ผู้บริหารของพรรคระดับสูงมาตั้งวอร์รูมคอยรวบรวมข้อมูลให้กับนายกฯ และรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายหรือโดนพาดพิงเต็มพื้นที่อาคารรัฐสภา ทีมวอร์รูมนี้ยังมีข้าราชการระดับสูงเข้ามาร่วมให้ข้อมูลระดับกระทรวงรวมอยู่ด้วยเช่นเดียวกับนักวิชาการของพรรคเพื่อไทยที่มาให้ข้อมูลเป็นประจำอยู่แล้ว
หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านนำโดยนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเริ่มต้นกล่าวย้อนไปถึงสมัยที่ตนเป็นรัฐบาลว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในรอบ ๔ ถึง ๕ ปี ว่าเป็นเวลาที่สับสนวุ่นวายและเมื่อพรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสตั้งรัฐบาลก็เป็นโอกาสดีที่จะนำประเทศให้พ้นจากวิกฤติ

นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวว่ามี ๔ แนวทางที่จะออกจากวิกฤติ คือรัฐบาลต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง และเรื่องปัญหาโครงสร้างที่ต้องสานต่อในเชิงนโยบายจะทำให้การแก้ปัญหาเดินหน้า การสร้างศรัทธาโดยมุ่งทำงานบนผลประโยชน์ประชาชนและการรักษาปกป้องสถาบันหลักของชาติ
เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลพูดถึงค่าแรง ๓๐๐ บาท อย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือเพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สลายทุกข์สร้างสุขไม่ได้ และว่ารัฐบาลนั้นอย่าเที่ยวโฆษณาเกินความเป็นจริงเหมือนกรณีโฆษณาขายรังนก เวลาพูดอย่าง แต่ทำจริงกลับทำอีกอย่างหรือทำจริงกลับเลี่ยงไม่ทำตามคำมั่นสัญญา

และยังชี้ด้วยว่าการแก้ของแพงนั้นแก้ไม่ง่าย และตั้งแต่รัฐบาลได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็ยังไม่สามารถทำให้ของถูกลงได้ นโยบายเรื่องนี้ก็เขียนไม่ชัด นอกจากพูดไปในเชิงโครงสร้างเช่นนายกฯ เคยพูดว่าจะกระชากค่าครองชีพลงมาโดยการยกเลิกกองทุนน้ำมันแต่วันนี้กลับใช้คำว่าชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนนชั่วคราว
อภิสิทธิ์ยังสรุปด้วยว่า เขาห่วงเรื่องวินัยการเงินการคลัง หากไม่ใส่ใจสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราทำมาจะสูญเปล่าในวันข้างหน้า จะไม่สนใจเงินเฟ้อไม่ได้เพราะเป็นภาษีประชาชน
ครับ การแถลงนโยบายและซักค้านโดยฝ่ายค้านก็ดำเนินไปตามปกติด้วยดี แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง การแถลงนโยบายเป็นการบอกว่ารัฐบาลมีแนวทางที่จะบริหารตามแนวทางอย่างไร และจะเป็นไปเมื่อใดมีกรอบอย่างไร ส่วนฝ่ายค้านก็ติติงและให้สัญญาณเตือนภัยไว้ว่าอย่างไรควรหรือไม่ควรบ้าง

ครับ บรรยากาศก็มีสีสันเป็นธรรมดา แต่ผมอยากสรุปว่ามันเป็นการลองเชิงเท่านั้นไม่มีอะไรมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น