ลูกชายฮุนเซนนำเยาวชนเขมรเยือนปราสาทเขาวิหาร พร้อมทำพิธีบวงสรวงที่ผาเป้ยตาดี ยก “ฮุนเซน” หลักแหลมนำปกป้องชายแดน ฟ้องไทยส่งทหารรุกรานเขมรจนเกิดปะทะด้วยอาวุธสงคราม เยาะแต่ไม่สามารถตีฝ่ากำลังทหารเขมรที่มุ่งมั่นปกป้องดินแดนได้ ฟุ้งสันติภาพคือจุดยืนเขมรยอมถอนทหารถึง 7 ครั้ง ปลุกเยาวชนเตรียมตัวให้พร้อมป้องกันชาติ ในยามคับขัน
วันนี้ 11 ก.ย. เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟรายงานข่าวว่า ฮุน มาเนต ลูกชายของนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำคณะเยาวชนเยี่ยมความเป็นอยู่ทหารในพื้นที่ปราสาทตาเมือน เมื่อ 10 กันยายน และต่อเนื่องที่ปราสาทพระวิหาร นั้น สำนักข่าวซีอีเอ็นของกัมพูชา (11 กันยายน 2554) ให้รายละเอียดว่า เมื่อช่วงเช้าคณะตัวแทนเยาวชนพรรคประชาชนกัมพูชาประมาณ 200 คน นำโดย ฮุน มาเนต ได้เดินทางเยี่ยมชมความอยู่ของทหารกัมพูชา ในที่บัญชาการสันติภาพ 5 มกรา โดยได้รับการต้อนรับจาก พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการ (รอง ผบ.สส.) เสนาธิการร่วม คณะบัญชาการสมรภูมิแนวหน้าพรมแดนกัมพูชา-ไทย พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการ (รอง ผบ.สส.) หัวหน้าคณะบัญชาการสมรภูมิแนวหน้าด้านภูมิภาคทหารที่ 4 ตลอดจนนายทหารและพลทหารประมาณ 200 นาย นอกจากนี้ ออกญา เซียง ณำ สองสมาชิกสภากลางเสียมราฐ ร่วมให้การต้อนรับด้วย
คณะตัวแทนเยาวชนได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการนำและสั่งการอย่างมีประสิทธิภาพของฮุน เซน ที่มีต่อกองทัพในภารกิจป้องกันดินแดนและอนุรักษ์พื้นที่ปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่เริ่มต้นแนวคิดที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2554 จนประสบความสำเร็จเมื่อ ๗ กรกฎาคม 2551 นำไปสู่ความไม่สบายใจของฝ่ายไทย กระทั่งส่งทหารเข้ารุกรานดินแดนกัมพูชาที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงและปะทะกันด้วยอาวุธ ต้นปี 2554 ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไทยได้ส่งทหารเข้าทำสงครามขนาดใหญ่กับกัมพูชา ในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควาย แต่ไม่สามารถตีฝ่าความต้องการสู้รบ มุ่งมั่นป้องกันดินแดนของกองทัพกัมพูชาได้เลย ความสำเร็จในระยะเวลา 3 ปี ของเหตุการณ์ชายแดนกับไทย เกิดจากการนำอย่างหลักแหลมของสมเด็จเดโชฯ นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ยังได้ช่วยเหลือให้กองทัพมีขีดความสามารถและศักยภาพในการสู้รบ
กระทั่งปัจจุบัน เนื่องจากจุดยืนสันติภาพของสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่หนักแน่น คือ ต้องการให้พรมแดนมีสันติภาพ มีความร่วมมือที่ดีระหว่างประเทศทั้งสอง เพื่อเป็นผลประโยชน์ของประชาชนตามแนวชายแดนของทั้งกัมพูชาและไทย จุดยืนสันติภาพนี้ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นชาติของกัมพูชาสูงยิ่งขึ้น ได้รับการสนับสนุนอย่างหนักแน่นจากทั้งประชาชนกัมพูชาทั่วประเทศ ตลอดจนประชาคมนานาชาติทั่วโลก นอกจากนี้ กัมพูชาได้ถอนทหารออกจากพื้นที่ตะเข็บชายแดนแล้วถึง 7 ครั้ง ซึ่งเป็นการถอนกองกำลังสนับสนุน เพื่อสร้างความเชื่อใจและลดความตึงเครียด
หลังรับฟังการบรรยาย ฮุน มาเนต ในฐานะตัวแทนเยาวชน ได้กล่าวยกย่องและขอบคุณอย่างสูงต่อความกล้าหาญของทหารแนวหน้าตามแนวชายแดน ที่ได้อุทิศตนในการปกป้องมาตุภูมิ พร้อมระบุว่า เป็นแบบอย่างที่ดีควรถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ลูกหลานต้องจดจำไปตลอด และยึดถือเป็นประเพณีที่ดีอีกด้วย และเตือนให้เยาวชนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรับใช้ชาติ ป้องกันชาติ ในเวลาที่ประเทศมีความคับขัน จากนั้น ฮุน มาเนต ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 10 ล้านเรียล (ประมาณ 75,000 บาท) ให้กับกองทัพที่ประจำการในพื้นที่ดังกล่าว จากนั้น คณะตัวแทนเยาวชนได้เดินทางขึ้นชมวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และปราสาทพระวิหาร แล้วทำพิธีบวงสรวงที่ผาเป้ยตาดี
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2554 ลูกชายสองคนของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา คือ ฮุน มานี และ ฮุน มานิต ได้นำคณะตัวแทนเยาวชนร่วม 300 คน ทำกิจกรรมในลักษะเดียวกันนี้ ในพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร พร้อมนำคณะขึ้นเยี่ยมชมวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ปราสาทพระวิหาร และทำพิธีบวงสรวงที่ผาเป้ยตาดี
