xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.มอบ “อภิรักษ์” ดูยุทธศาสตร์เตรียมพร้อมสู้เพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
พรรคพรรคประชาธิปัตย์สัมมนาลูกพรรค เดินเกมเตรียมความพร้อมแข่งเพื่อไทย มอบ “อภิรักษ์” ดูงานกำหนดยุทธศาสตร์ ส่วน “กรณ์” หนุนงานสภา-ครม.เงา “จุติ” ดูงานพีอาร์ ขณะที่ “จุรินทร์” พัฒนานโยบาย พร้อมกระตุ้นรองหัวหน้าภาคต่างๆ ขยายฐานพรรค แต่ยันไม่คิดตั้งทีวีสีฟ้า ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ

วันนี้ (3 ก.ย.) ที่โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมสัมมนา ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า ในการสัมมนาครั้งนี้ได้มีการนำผลวิจัยโดยบุคคลภายนอกไปจัดทำในรูปแบบต่างๆ และผ่านการรับฟังความคิดเห็นของ ส.ส. และสมาชิกพรรค มาเป็นแนวทางในการหารือร่วมกัน ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันเป็นเอกภาพว่า ภารกิจที่สำคัญของประชาธิปัตย์ที่จะต้องเริ่มทำวันนี้ คือ การสร้างความพร้อมที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยที่จะเป็นการสร้างอนาคตให้กับคนไทยทุกคน เพราะเห็นว่าการบริหารประเทศในขณะนี้ไม่อาจให้คำตอบกับประชาชนได้ เพราะการแก้ปัญหาของรัฐบาลเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสร้างแรงจูงใจเฉพาะหน้าให้เกิดความพึงพอใจเท่านั้น แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นการบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ รวมทั้งต้องการแบ่งแยกประชาชน และคนบางกลุ่มปรารถนาที่ต้องการมีอำนาจผูกขาด

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า เป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะสามารถขับเคลื่อนให้กับคนไทยทุกคนได้ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนการทำงาน จัดรูปแบบโครงสร้าง มอบหมายความรับผิดชอบในพรรค ไปจนถึงการสื่อสารและการบริหารจัดการภายในพรรค ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง โดยเห็นพ้องต้องกันว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นศูนย์รวมในการระดมกำลังของประชาชนทั้งประเทศ ให้มาขับเคลื่อนทางการเมืองร่วมกับประชาธิปัตย์ ทั้งภายในพรรคทั้งกรรมการบริหารสาขาพรรค สมาชิกพรรค ไปจนถึงการทำงานร่วมกับเครือข่ายของประชาชนในทุกภาคส่วน

โดยในการกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้ามาดูแลงานในประเด็นต่างๆ ของพรรคนั้น นายอภิสิทธิ์เปิดเผยว่า เบื้องต้นสิ่งที่พรรคจะดำเนินการอย่างน้อย 4 ส่วน 1.นายอภิรักษ์​ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค จะเป็นผู้ดูแลด้านการวิจัย และการทำแผนยุทธศาสตร์ 2.นายจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลเรื่องการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ของพรรคทั้งหมด เพื่อให้แนวทางและจุดยืน เป็นที่เข้าใจในหมู่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างชัดเจน 3.นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ดูแลด้านงานพัฒนาการประเมินผลนโยบายที่จะมาสนับสนุนการทำงานของพรรคในสภาฯ และในส่วนของคณะรัฐมนตรีเงา และ 4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลการพัฒนานโยบาย ร่วมกับนายกนก วงศ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จะมีการกระจายการบริหารจัดการภายในในระดับของพื้นที่ โดยมอบอำนาจให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละภาคชัดเจนมากขึ้น เช่น ปัญหาการบริหารงานในสาขาพรรค หรือตัวผู้สมัคร ซึ่งจะมีการไปดำเนินการหากลไกในแต่ละภาคของตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ ควบคุู่กับการที่พรรคจะมีการจัดตั้งกลุ่มบุคคล ที่จะไปทำงานและประสานงานใกล้ชิดกับกลุ่มประชาชนและมวลชนต่างๆ เช่น ผู้ใช้แรงงาน นักธุรกิจ เกษตรกร กลุ่มเยาวชน และสตรีเครือข่ายท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดของการมอบหมายบุคคลใดที่จะขึ้นมาเป็นกลุ่มประสานงาน หรือแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเงา ทางคณะกรรมการบริหารพรรคจะมีการประชุมในวันที่ 6 ก.ย.นี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในการทำงานในพื้นที่จะมีการมอบหมายให้เรองหัวหน้าภาคต่างๆ และกลุ่มผู้ประสานงาน ก็จะสอดรับกับการทำงานของ 4 กลุ่มส่วนกลางที่แต่งตั้งขึ้น ซึ่งพรรคจะมีระบบการรายงาน ติดตามการประเมินผล โดยผู้ที่ได้รับมอบหมายในกลุ่มงานต่างๆ จะต้องรายงานให้กรรมการบริหารพรรคทราบทุกเดือน ซึ่งนายประกอบ จิรกิติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รายงานข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งจะประมวลข้อมูลเหล่านี้ก่อนนำเสนอให้กับกรรมการบริหารพรรคอีกชั้น

“ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมของการสัมมนา เพื่อยืนยันความเป็นเอกภาพ ความพร้อมในการก้าวไปข้างหน้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าคนไทยและประเทศไทยควรมีระบบการเมืองที่มีความยั่งยืนและมั่นคงมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน และพรรคประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อนองค์กรของพรรค เพื่อเป็นหัวหอกในการนำสิ่งเหล่านี้มาให้กับประชาชนทุกกลุ่ม” นายอภิสิทธิ์ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้กำหนดระยะเวลาสำหรับความเปลี่ยนแปลงหลังการปรับแนวทางการทำงานของพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การประเมินในแต่ละงาน กรรมการจะมีการกำหนดตัวชี้วัด ในความก้าวหน้าของงานที่อาจแตกต่างกันไป เช่น รองหัวหน้าภาคจะต้องมีตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรคการสรรหาผู้สมัคร แม้กระทั่งการจัดตั้งสาขาพรรค และศูนย์ประสานงานต่างๆ ได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างจะขับเคลื่อนโดยเร็วที่สุด รวมถึงการสรรหาผู้สมัครที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมโดยเร็วที่สุดในทุกพื้นที่ เพื่อให้การขับเคลื่อนทั่วประเทศมีพลังมากกว่าในอดีต

“ในฐานะที่เป็นฝ่ายค้าน และมีภาวะการแทรกแซงสื่อ เราก็รู้ว่ามีงานหนักขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหาช่องทางใหม่ๆ ที่เป็นเรื่องท้าทาย” อดีตนายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า มีจำเป็นต้องมีทีวีเป็นของตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญพรรคการเมืองคงเป็นเจ้าของสื่อไม่ได้ แต่ทั้งนี้เราเชื่อว่าปัจจุบันการขยายผลการสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ สามารถทำได้ ซึ่งพรรคประเมินว่าที่ผ่านมา นอกจากปัญหาสื่อในภาพกว้างแล้ว การสื่อสารในพื้นที่ เราต้องการการขับเคลื่อนในส่วนกลางของภาพรวมโดยมีผู้ประสานงานและขับเคลื่อนในพื้นที่ต้องทำอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในส่วน 4 กลุ่มงานข้างต้นจะมีการจัดตั้งขึ้นมาใหม่ จะมีการตั้งสำนักใหม่ขึ้นมารับผิดชอบโดยตรงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราเห็นว่าไม่จำเป็นต้องไปทำโครงสร้างที่เป็นแบบแข็งตัวเกินไป เพราะเราต้องการความยืดหยุ่นในการปรับการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งได้กำหนดตัวผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนจะเป็นสำนัก หรือคณะทำงานหรือไม่ อยู่ที่ผู้รับผิดชอบจะเป็นผู้เสนอว่าจะมีการเชิญอาสาสมัคร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานหรือไม่ผู้รับผิดชอบจะเป็นผู้เสนอต่อกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามว่า ในส่วนบุคคลภายนอกจะเข้ามาร่วมงานกับพรรคในลักษณะใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลายเรื่องจำเป็นต้องมีบุคลากรภายนอกอย่างแน่นอน ทั้งมืออาชีพเป็นงานด้านนั้นๆ ไปจนถึงการมีผู้มีอุดมการณ์ แต่ไม่ประสงค์จะเป็นนักการเมืองที่อาจจะมาช่วยเชิงวิชาการในเชิงประสานงานฝ่ายต่างๆ ก็จะเป็นบุคคลภายนอก
กำลังโหลดความคิดเห็น