xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” สรุป “สุเทพ” เอาใจ “ฮุนเซน” ที่แท้เอื้อประโยชน์อ่าวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” สรุปท่าที “สุเทพ” เอาใจ “ฮุนเซน” สารพัด ที่แท้ก็เอื้อประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย ย้ำแบ่งตาม MOU 44 ไม่ได้ เหตุกัมพูชาขีดเส้นมั่วทำไทยเสียเปรียบ ชี้ทุกวันนี้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันเกือบทั้งหมดเป็นของอเมริกา หากนำพลังงานขึ้นมาทรัพยากรก็จะตกในมือต่างชาติ หรือหากให้ ปตท.สำรวจขุดเจาะ ผลประโยชน์ก็เป็นของผู้ถือหุ้นเท่านั้น จี้ตอบให้ได้ก่อนใครได้ประโยชน์กันแน่ พร้อมถามทำไมต้องรีบในขณะที่สหรัฐฯสำรองน้ำมันตัวเอง ถึงขั้นทำสงครามช่วงชิงจากประเทศอื่น

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”  

วันที่ 31 ส.ค. เวลา 20.30 น. ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยม อดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

ดร.สุวันชัยกล่าวว่า นายสุเทพยอมรับว่ามีการไปเจรจานอกรอบกับกัมพูชา แต่กลับมาก็ไม่เคยบอกให้ประชาชนได้รับทราบเลย อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นเจรจาลับมากกว่า ตนขออนุญาตไล่เหตุการณ์คณะกรรมการร่วมเทคนิคไทย-กัมพูชา วันที่ 16 มิถุนายน 2552 ครม.มีติตั้งนายสุเทพ ในฐานะที่เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงให้เป็นประธานคณะกรรมการร่วมนี้ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ตั้งนายวศิน ธีรเวชญาณ ซึ่งเป็นประธานเจบีซีตอนนั้น เป็นรองประธานคณะกรรมการฯ

กระทั่งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2552 นายสุเทพ และ พล.อ.ประวิตร ไปกัมพูชาพูดคุยกับนายฮุนเซน แสดงว่าคล้ายๆ จัดเตรียมอะไรบ้าง เพราะมันมีการอนุมัติ 16 มิถุนายน แล้ววันที่ 27 ก็ไปกัมพูชา แสดงว่าเขาก็ได้รับมอบอำนาจจาก ครม. ในการไปคุยเรื่องนี้ มาถึง 1 สิงหาคม 2552 นายสุเทพ พบกับนายซก อาน ที่ฮ่องกง จากนั้น 10 พฤศจิกายน 2552 ครม.มีติให้ยกเลิกเอ็มโอยู 44 (ตอบโต้กัมพูชาเนื่องจากตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นที่ปรึกษา) 16 กรกฎาคม 2553 นายสุเทพพบนายซกอานที่คุณหมิง

ตรงนี้ดูแปลกๆ เพราะได้มีมติยกเลิกเอ็มโอยู 44 ไปแล้ว แล้วไปพบเรื่องอะไร เพราะถ้าไปเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลก็จะไม่เหมาะสม สุเทพต้องออกมาตอบคำถามต่อสังคมให้ได้ และวันที่ 9 สิงหาคม 2553 นายกษิตแถลงในสภาว่าจะยกเลิกเอ็มโอยู 44 ให้เสร็จใน 2-3 เดือน หลังจากนั้นนายสุเทพก็ลาออก เพื่อไปลงเลือกตั้ง ส.ส. พอ 16 พฤษจิกายน 2553 ได้กลับมาเป็นรองนายกฯ ใหม่ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 ครม.ก็มีมติแต่งตั้งให้กลับมาเป็นประธานคณะกรรมการร่วมเทคนิคฯอีกรอบ ทั้งๆ ที่ยกเลิกเอ็มโอยู 44 ไปแล้วโดยมติ ครม.

โดยกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือให้เหตุผลต่อ ครม.ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ก่อนแต่งตั้งรอบใหม่ 1 วันว่า เนื่องจากระหว่างนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการยกเลิก ระหว่างนี้จึงเห็นควรให้มีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคฯ ก็คือแต่งตั้งนายสุเทพ ยังไม่พอมีการแต่งตั้งนายเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี เอกอัครราชทูตกรุงแคนเบอร์รา เป็นที่ปรึกษาด้วย ตรงนี้ค่อนข้างสับสนตกลงยกเลิกหรือไม่ยกเลิก ดูค่อนข้างแปลก

นายปานเทพกล่าวเสริมว่า หลังจากนายสุเทพไปเจรจากับนายฮุนเซน วันที่ 27 มิถุนายน วันเดียวกันนั้น สุเทพ ก็มาให้สัมภาษณ์ว่า อย่าไปคิดว่าเขาพระวิหารจะต้องมีอะไรโต้แย้งกันระหว่างไทย-กัมพูชา ศาลโลกตัดสินมาหลายสิบปีแล้ว ว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนการพัฒนาพื้นที่ร่วมก็มีส่วนอื่นๆที่จะร่วมกัน ชัดเจนว่าทิศทางการเจรจาเป็นอย่างนั้น

หลังจากนั้น 1 สิงหาคม นายซก อาน ออกมาแถลงว่า พบนายสุเทพ เจรจาการแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ทีนี้การลากเขตตามเอ็มโอยู 44 กัมพูชาขีดมั่ว โดยขีดประชิดเกาะกูดถือว่ารุกล้ำอาณาเขตไทย เพราะว่าต้องมีอย่างน้อย 12 ไมล์ทะเล แต่นี่ทะลุเฉยเลย เราจึงต้องเรียกว่าพื้นที่ทับซ้อนเกินจริง

อย่างที่บอกแบ่งตามนี้ไม่ได้ เพราะมันมีเกาะ เส้นที่ลากขึ้นจากฝั่งไทย เป็นเส้นที่มีมาตรฐานคือลากจากการแบ่งครึ่งวงเกาะกูด กับเกาะกง แล้วก็ลากตามองศาที่แบ่ง จากนั้นก็แบ่งทั้ง 2 ประเทศเท่าๆกัน ปัญหาคือมีเกาะจากทางฝั่งกัมพูชา กัมพูชาเขาวัดเกาะเป็นฐานลากเส้น แต่เกาะของไทยเขาไม่คิด เพื่อลากเส้นออกมาให้ได้ไกลที่สุดจากฝั่ง ส่วนไทยจะคิดเฉพาะเกาะใหญ่ๆที่อยู่ใกล้ฝั่งและคิดของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นไปตามหลักสากล

ดร.สุวันชัยกล่าวว่า ปกติเกาะจะไม่คิด 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่เหมือนพื้นดิน ศาลโลกที่ผ่านมาไม่กำหนดแน่นอน แต่บางคดีศาลให้ 50 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศด้วย ซึ่งถ้า 50 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่ทับซ้อนน้อยลงไปเยอะเลย โดยเฉพาะเหนือ 10 องศา กัมพูชาแทบไม่ได้อะไรเลย กัมพูชาจะได้เปรียบเพราะว่าไม่ควรได้เลย แต่เอ็มโอยู 44 จะให้เขามาแบ่งสิ่งที่เขาไม่ควรได้

นายปานเทพกล่าวอีกว่า ที่น่าสนใจนายสุเทพมีท่าทีเอาอกเอาใจกัมพูชามากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะกรณีพูดถึงนายวีระ-น.ส.ราตรี ว่าต้องยอมรับคำตัดสินกัมพูชา ทั้งที่ถูกจับในแผ่นดินไทย ต่อมากรณีป้ายแผ่นหินบนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ก็บอกว่าป้ายนี้เขียนมานานแล้ว แต่ความจริงป้ายนี้ทำมาไม่นานในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จากนั้นก็พูดถึงตนว่าการยื่นหนังสือไม่ให้ผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามา เป็นการทำไม่ถูก เราต้องทำตามมติอาเซียน ไปจนถึงขั้นยอมรับการสู้ในศาลโลก จนอดคิดไม่ได้ว่าท่าทีแบบนี้อยู่บนพื้นฐานแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่อ้าง สิทธิ์ทับซ้อนเกินจริง เพื่อเอื้อประโยชน์กับกัมพูชาหรือไม่ มันถึงรบก็รบไม่สุด ไม่ผลักดันให้เสร็จ ดูพิกลพิการ เหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายต่อปั๊บเข้าใจหมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้น น่าสงสัยมาก

นายปานเทพกล่าวต่อว่า อยากให้พิจารณาประเด็นต่อไปนี้ 1.การที่เราจะเร่งรีบเจรจาผลประโยชน์ในอ่าวไทย ตอบให้ได้ซะก่อนว่าพื้นที่ที่จะแบ่งผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย เร่งรีบตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วจนรัฐบาลนี้ ตกลงพื้นที่นี้มันเป็นธรรมสำหรับไทยหรือไม่ 2. ตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เราเริ่มมีการสำรวจขุดเจาะพลังงานในอ่าวไทย น้ำมันเกือบทั้งหมดถูกสัมปทานโดยประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นยูโนแคล เชฟรอน เป็นส่วนใหญ่ พลังงานของชาติไทยไปอยู่ในมือต่างชาติ และถ้าเราเร่งขุดเจาะต่อในสภาพที่เราเสียเปรียบอยู่ ขณะที่อเมริกาต้องการสำรองพลังงานให้นานที่สุด ใช้ของชาติอื่นจนถึงขั้นทำสงคราม แล้วทำไมเราต้องรีบใช้พลังงานในอ่าวไทยให้หมดเร็วที่สุดเพราะอะไร 3.การเจรจาผลประโยชน์ทางอ่าวไทย ด้วยการที่เราเลือกข้างอเมริกา จะทำให้เสียดุลการเมืองระหว่างประเทศ เช่นจีน ก็จะไม่สามารถขุดเจาะพลังงานเพิ่มเติมจากที่อเมริกาไปขุดเจาะได้ เขาก็ไปเลือกข้างฝั่งกัมพูชา ที่ยังไม่มีการสำรวจขุดเจาะ 4.ถ้าให้ ปตท.สำรวจขุดเจาะ ชาติก็ยังไม่ได้ประโยชน์ ผลประโยชน์ชาติคืออะไร คือประโยชน์ผู้ถือหุ้น ปตท.หรือเปล่า ต้องตอบให้ชัดก่อนไม่ใช่เร่งขุด เร่งสำรวจ เร่งตกลง ใครได้ประโยชน์จากกรณีนี้



พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนเกินจริง
พื้นที่ทับซ้อนแบ่งถูกต้องตามหลักสากล
กำลังโหลดความคิดเห็น