xs
xsm
sm
md
lg

รบ.ปู โวคุณสมบัติโจกแดงนั่งเก้า ขรก.การเมือง ลั่นใช้สภาฟอกตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฐิติมา ฉายแสง
โฆษกรัฐบาลปู ตีฝีปากอุ้มโจกแดงนั่งเก้าอี้ขรก.การเมืองแบบเรียงหัว ไม่หวั่นกระแสปูนบำเหน็จ อ้างหวังฟอกตัวในสภาฯ โดยไม่ต้องดูคุณสมบัติ ด้านรองโฆษกแดง โว สรรพคุณดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา ระบุเสื้อแดงตัวทำเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ย้ำชัดคดีบางคนยังไม่สิ้นสุดไม่ถือว่าผิด

วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งคนเสื้อแดงมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการรัฐมนตรีว่า สาเหตุที่แต่งตั้งนายอารี ไกรนรา มาดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.มหาดไทยนั้น เนื่องจากเป็นงานที่ต้องรับใช้ประชาชน โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ได้ตั้งใจว่าต้องการที่จะให้ทีมงานมาทำงานช่วยชาติบ้านเมืองเพราะในกระทรวงมีงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งขอให้เชื่อมั่นว่าจะมาทำงานได้ ส่วนกรณีนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรึกษา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น ขณะนี้เราได้นำนายเพชรวรรตมาสู่ระบบของการทำงาน ซึ่งเป็นจุดยืนที่จะทำให้สังคมนี้เป็นสังคมที่มีระเบียบวินัย และทำงานได้ โดยไม่ต้องกังวากันว่าคนเหล่านี้จะออกมาสู่ข้างนอกหรือว่าจะมาประท้วงกันอีก จึงอยากจะให้ความเชื่อมั่นว่าเมื่อทุกคนได้ทำงานก็จะได้ทำเพื่อประโยชน์ให้ ประเทศชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดที่นำคนเหล่านี้เข้ามาเพราะไม่ต้องการให้เคลื่อนไหวนอกสภาใช่หรือไม่ นางฐิติมากล่าวว่า จริงๆ แล้วไม่อยากจะบอกว่าคนเหล่านั้นจะต้องไปเคลื่อนไหวนอกสภา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งตรงนี้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและกลุ่มที่มาเป็นข้าราชการการเมืองที่มีความคิดเห็นตรงกัน อุดมการณ์เดียวกันที่ต้องการให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รวมทั้งการต่อสู้กับเผด็จการ เมื่อถามว่า กรณีนายชินวัตร หาบุญพาด มีความรู้ด้านใดเกี่ยวกับกระทรวงการคมนาคม นางฐิติมากล่าวว่า ตนคิดว่าหากจะต้องไปดำรงตำแหน่งกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งแล้วมีความสามารถ อาจจะต้องถามหลายกระทรวงด้วยเหมือนกัน เพราะบางครั้งไม่ได้มีการคำนึงถึงตรงนั้นจุดเดียว ตนคิดว่าเมื่อมีการเข้าทำงานแล้ว คงไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ และไม่ต้องถึงขั้นที่จะต้องมีประสบการณ์ด้านคมนาคม

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า นายอารีได้ลงสมัครรับเลือกตั้งมา 4 ครั้ง เคยทำงานเป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ซึ่งเป็นลูกหม้อกระทรวงมหาดไทยคนหนึ่ง จึงอยากถามกลับไปว่าเพียงพอหรือไม่ ส่วนกรณีนายเพชรวรรตเองก็เคยเป็นผู้พิพากษาสมทบ เป็นนักสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโอ และเคยสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จนเกือบได้มาแล้ว รวมทั้งนายชินวัฒน์ก็เคยเป็นนายกสมาคมพิทักษ์สิทธิแท็กซี่ ตนจึงอยากขอโอกาส และอยากให้มองว่าตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คมนาคมไม่ใช่ตำแหน่งที่จะมาเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้นเลย ตนจึงขอร้องว่ามองลงไปให้ลึก ตรวจสอบให้ชัดเจน และพยายามมามองอย่างบูรณาการว่าคนเหล่านี้จะช่วยรัฐบาลทำงานได้อย่างไร นอกจากนี้ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิกนั้น จบการศึกษาระดับปริญญาโท เคยลงสมัคร ส.ส. และเคยเป็นนายกสมาคมตลกแห่งประเทศไทย ฉะนั้น มันจึงอยู่ที่ว่าเราเลือกมองเขาอย่างไร ตลอดจนนายประแสง มงคลสิริ ก็จบปริญญาเอกด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจากประเทศญี่ปุ่น หากพูดกันตรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ เลย

“ผมกลับมองว่าเป็นจุดแข็งของรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ เพราะแต่ละคนยึดโยงกับภาคประชาชน วันหนึ่งหากเพชรวรรต นายชินวัฒน์ ไม่ให้ความใส่ใจ เขาก็จะโดนสังคมหรือกลุ่มพลังมวลชนขึ้นมา และในช่วงของการเลือกตั้งคนเหล่านี้อยู่ในกระบวนการรณรงค์หาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย ฉะนั้น หากมองย้อนกลับไปผมมองว่ามันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นปกติ เราคงไม่ไปชวนคนพรรคประชาธิปัตย์มาดำรงตำแหน่งเลขานุการหรือที่ปรึกษารัฐมนตรีหรือกลุ่มการเมืองอื่นมาหรอก เนื่องจากคนเสื้อแดงเหล่านั้นล้วนช่วยในการรณรงค์ และหาแต้มให้กับเพื่อไทย” นายอนุสรณ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีผู้ที่ถูกออกหมายจับมีความเหมาะสมหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า คดีต้องเดินกันต่อไป เป็นธรรมดาสำหรับคนที่ออกมาต่อสู้ก็จะต้องมีบาดแผลกันทุกคน ฉะนั้นกระบวนการในการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุดก็ต้องสู้กันต่อไป หากศาลวินิจฉัยลงมาว่าขัดต่อเงื่อนไขของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง คนเหล่านั้นก็เป็นไม่ได้ แต่ตนเชื่อว่ากระบวนการของศาลเป็นกระบวนการในการกล่าวหา ดังนั้น ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ต้องมีหน้าที่ต่อสู้ว่าผิดหรือไม่ แต่ศาลสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลที่มาศาลเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ไว้ก่อนเสมอ ตนจึงคิดว่าวันนี้ศาลยังไม่มีความเห็นดังนั้นคงไม่มีใครที่มีหน้าที่ระบุว่าคนนั้นทำได้ คนนี้ทำไม่ได้ ตราบเท่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุดเบ็ดเสร็จ
กำลังโหลดความคิดเห็น