“คำนูณ” ฉะรัฐบาลดึงเงินสำรองระหว่างประเทศตั้งกองทุนความมั่นคงแห่งชาติ ระบุล่อแหลมและเสี่ยงสูงในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน เผยรัฐบาลขิงแก่เคยดันเรื่องนี้มาแล้ว 2 รอบแต่ถูกตีกลับ เตือนเร่งรัดแสวงหาผลประโยชน์พลังงานอ่าวไทยในพื้นที่ทับซ้อนไทย-เขมร จะขัดกันซึ่งผลประโยชน์ของชาติกับของกลุ่มทุน และพรรคการเมือง งงไม่บรรจุแนวทางปฏิรูปการเมืองในนโยบายเร่งด่วน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงแนวนโยบายแห่งรัฐของรัฐบาลว่า นโยบายเร่งด่วนทั้ง 16 ข้อ ถ้าทำได้ทั้งหมดและไม่ทำให้เกิดวิกฤตการเงินการคลังก็เห็นด้วย แต่ต้องใช้เงินมหาศาลอาจเป็นภาระกับงบประมาณ ดังนั้น ต้องดูร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2555 ต่อไปว่าจะมีการโยกหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณเดิมเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลอย่างไร
นายคำนูณกล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นโยบายจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ที่จะนำเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ในส่วนที่เกินความจำเป็นมาทำเป็นกองทุน เพื่อนำไปลงทุนนวัตกรรมการเงินสมัยใหม่ในเรื่องพลังงาน ถ้าจะทำจริงต้องเริ่มที่การแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา เรื่องนี้เคยมีแนวคิดที่จะทำมาสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยเปลี่ยนวิธีการลงทุนให้มีผลประโยชน์ตอบแทนมากขึ้น แต่นำเสนอเข้ามา 2 ครั้ง ก็ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตีกลับ ดังนั้น รัฐบาลต้องชัดเจนเพราะมีความล่อแหลมและเสี่ยงสูงในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ยังดีที่ไม่ได้บรรจุในนโยบายเร่งด่วน
นายคำนูณกล่าวว่า การที่รัฐบาลค่อนข้างเร่งรัดแสวงหาผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มีข้อควรระวังว่าจะเป็นการขัดกันซึ่งประโยชน์ของชาติกับผลประโยชน์ของกลุ่มทุน และพรรคการเมืองหรือไม่ จะเป็นการละเลยปัญหาอธิปไตยของชาติหรือไม่ ดังนั้นก่อนจะทำควรทบทวนกระบวนการกลไก หรือกำหนดพลังงานของไทยให้มีธรรมาภิบาลก่อน ขณะที่แนวทางปฏิรูปการเมืองกลับไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่มีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ใช้ได้ระดับหนึ่ง เพราะวิธีการตั้ง ส.ส.ร.เป็นอิสระ และต้องผ่านประชามติก่อน แต่คิดว่าเป็นคนละเรื่องกับการปฏิรูปประเทศ เพราะรากฐานความขัดแย้งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ควรมีการปฏิรูปการเมืองตามที่คณะกรรมการชุด นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอ ดังนั้น การปรองดองต้องเริ่มที่การปฏิรูปประเทศ แต่ดูเหมือนรัฐบาลจะพูดถึงแต่คณะกรรมการชุดนายคณิต ณ นคร เท่านั้น
