xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” เล่นบทนายกฯ ตัวจริง-ยิ่งลักษณ์ หมอง ส่อป่วนเร็ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ยังไม่ทันได้แถลงนโยบายต่อสภา ยังไม่ทันลงมือปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่กลายเป็นว่ากำลังถูก “ความจริง” ที่เคยปิดบังเอาไว้รุมเร้าตีกระหนาบเข้ามาเร็วเกินคาด จนตั้งตัวแทบไม่ทัน ทำให้ภาพลักษณ์หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ยินดีตอบคำถามนักข่าวแบบส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่มีเบื่อ ที่เคยเห็นก่อนหน้านี้จนชินตา กลับกลายเป็นว่าต้องหลบลี้หนีหน้า หรือไม่ยอมตอบคำถามที่เสียดแทงหัวใจ ต้องเดินหนีกันไปดื้อๆเป็นรายวัน

ขณะเดียวกัน หน้าตาที่เคยแต่งแต้มเครื่องสำอางดูสดใส แต่พอมาสังเกตเห็นเมื่อวันสองวันก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นคนละคน เนื่องจากมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนก่อน แถมริ้วรอยบนใบหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวที่กำลังเกิดขึ้นมันก็ได้เห็นคำตอบขึ้นมาได้ไม่ยาก เพราะแค่เรื่องที่ทางการญี่ปุ่น โดยเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ออกมายืนยันว่าสาเหตุที่อนุมัติวีซ่าให้ ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังเป็นนักโทษหลบหนีคดีเข้าประเทศเป็นเพราะรัฐบาลไทยโดย นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ทำหนังสือร้องขอ” ไป ขณะเดียวกันก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เพิ่งจะหย่อนก้นนั่งเก้าอี้ได้ไม่ทันไร ก็เรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศมาหารือ ร้องขอให้ช่วยดำเนินการอีกแรงหนึ่ง ซึ่งเมื่อพลิกไปตรวจสอบข่าวคราวทางสื่อก็มีการให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ามีการหารือกันจริง แต่ไม่เป็นทางการเท่านั้น

ที่สำคัญนอกเหนือจากการประจานให้เห็นว่าเธอเป็นคนพูดจาเชื่อถือไม่ได้ เพราะย้ำว่าไม่เกี่ยวข้อง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานพิจารณา กลายเป็นว่าตัวเธอนั่นแหละคือตัวการสำคัญในการส่งหนังสือในนามรัฐบาลไทย ให้ช่วยเหลือพี่ชาย ขณะเดียวกันสิ่งที่พวกเขากำลังดำเนินการอยู่นั้นยังส่อไปในทางผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสี่ยงต่อการถูกถอดถอน รวมไปถึงถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งเวลานี้ทางพรรคฝ่ายค้านคือ พรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการแล้ว

แม้ว่าเรื่องราวกว่าสรุปต้องใช้เวลาอีกนาน แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการเปิดช่องโหว่ สร้างภาพลบบั่นทอนความน่าเชื่อให้เกิดเร็วขึ้นโดยไม่จำเป็น

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ชวนวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายประดังเข้ามาเพิ่มเติมอีก นั่นคือ ข่าวการเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม โดยสื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่าเป็นการเข้ามาเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจด้านพลังงานในเขตพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย ที่คาดว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล และที่ผ่านมามีการรับรู้กันมาก่อนแล้วว่า ทักษิณ ได้เจรจาค้างเอาไว้ เนื่องจากถูกรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ทำให้สะดุดลงชั่วคราว แม้ว่าจะมีความพยายามสานต่อในยุครัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาล “น้องเขย” สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ยังไม่คืบหน้าตกลงกันได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะรัฐบาล “หุ่นเชิด” เหล่านั้นอยู่ได้ไม่นาน

ในตอนแรกหลายฝ่ายยังเชื่อว่า ทักษิณ คงจะยังไม่ขยับเอาในตอนนี้ เพราะเชื่อว่าจะต้องถูกจับตามอง ซึ่งจะส่งผลสะเทือนไปถึงรัฐบาล “น้องสาว” คือ ยิ่งลักษณ์ แต่กลายเป็นว่า เขาเริ่มเดินหน้าทันที นั่นแสดงว่าต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่ากุมสภาพเอาไว้ในมือ

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจที่ต้องคิดได้อย่างนั้น เพราะตำแหน่งสำคัญไล่ลงไปตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ล้วนเป็นใกล้ชิด ตั้งเองมากับมือ มันก็ทำให้ “ย่ามใจ” ได้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี นั่นอาจเป็นมุมมองของคนใกล้ชิด บรรดากุนซือที่อยู่รอบตัวคิดกันว่า “ไหนๆก็ไหน” ชาวบ้านเขารู้เห็นรับรู้จนชาชินไปแล้ว และที่สำคัญพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลายมาด้วย “กระแสทักษิณ” ล้วนๆ ทำให้ต้องรีบลงมือโดยเร็วก่อนที่จะฝ่ายตรงข้ามจะตั้งตัว มันก็อาจมองแบบนั้นก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งมันแม้จะเป็นการเคลื่อนไหวที่สะดวกขึ้นเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่มันก็ทำให้ “น้องสาว” คือ ยิ่งลักษณ์ รู้สึกกระอักกระอ่วน กลายเป็นว่าภาพที่เธอเป็นแค่ “นายกฯโคลนนิ่ง” ไม่มีความหมาย ก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นมาอีก ล่าสุด “พี่ชายตัวดี” ยังไปโม้กับสื่อญี่ปุ่นอีกว่า เขามีส่วนร่วมในการคัดเลือกคณะรัฐมนตรี ทั้งที่ ยิ่งลักษณ์ เคยยืนยันว่าเธอเป็นคนพิจารณาคัดเลือกด้วยตัวเอง พี่ชายไม่เกี่ยว มันก็เหมือนพูดกันคนละทาง

แต่ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของทักษิณ และการช่วยเหลือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในช่วงที่ผ่านมานอกจากจะทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ปัญหาปากท้องของพวกเขาเร่งด่วนน้อยกว่าปัญหาของทักษิณ และครอบครัว เพราะขนาดยังไม่ได้แถลงนโยบายตามกฎหมายยังไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มร้อย แต่ปรากฏว่า “ทำทันที” ขณะที่เรื่องอื่นรอไปก่อนอย่างนั้นหรือ ขณะเดียวกันยังเป็นภาพที่ทำให้ภาพของนายกรัฐมนตรี “หมองมัว” ลงไปถนัดใจ เพราะที่ผ่านมาคนก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว ยิ่งมาตอกย้ำซ้ำเติมเข้ามาอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่

สิ่งที่เกิดขึ้นมันประจักษ์กับสายตาสังคม ทำให้บั่นทอนความเชื่อมั่นให้ลดลงไปอย่างฮวบฮาบ เพราะเมื่อเกิดช่องโหว่ ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายแผลได้โดยง่าย และทำได้เร็วโดยไม่ต้องรอเวลาช่วงฮันนีมูน สามเดือน หกเดือน และเมื่อผู้นำเริ่มเสียศูนย์โอกาสป่วนก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

เพราะหากสำรวจปฏิกิริยาเริ่มไม่พอใจ ไม่ใช่เฉพาะภายนอกที่เป็นพวก “ขาประจำ” ดั้งเดิมแล้ว ยังมาจากภายในพรรคเพื่อไทยที่ “อกหัก” จากตำแหน่งรัฐมนตรีมาจากร้อยพ่อพันแม่ ไม่เว้นแม้แต่คนเสื้อแดงระดับล่างที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่เริ่มรู้สึกผิดหวังเข้าใจว่ารัฐบาลไปปรองดองกับ “อำมาตย์” ขณะที่บรรดา “หัวโจก” ก็แย่งชิงบทบาท ต้องสร้างกระแสรายวัน นี่แหละถึงได้บอกว่า ถ้าผู้นำไม่เจ๋งจริง คุมไม่อยู่ ซึ่งถ้าพิจารณาจากอาการที่เป็นอยู่ของ ยิ่งลักษณ์ มันก็น่าปวดหัวจริงๆ!!
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น