ศาลรัฐธรรมนูญจัดสัมมนามุมมองสื่อ นักวิชาการแนะเปิดกว้างการสื่อสารเชิกรุก สร้างความเชื่อมั่นตุลาการ “อภิชาติ” แนะมี 4ซี ทำตัวให้สะอาด ชี้แจงเร็วต่อสถานการณ์ สร้างความกระจ่างชัดต่อสังคม สื่อสารกับประชาชนให้มาก เปิดโอกาสให้ประชาชนวิพากษ์คำพิพากษา
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ รร.กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้จัดโครงการสัมมนาระหว่างศาลรัฐธรรมนูญและสื่อมวลชน ในหัวข้อเรื่อง “ศาลรัฐธรรมนูญกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ในมุมมองของสื่อ” โดยมีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 คน ประกอบด้วย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายจรูญ อินทจาร และ นายสุพจน์ ไข่มุกด์ เข้าร่วม อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า การสัมมนาครั้งนี้ นายชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย ต่างจากการสัมมนาครั้งก่อนที่ นายชัช จะมาร่วมสัมมนาด้วย
ทั้งนี้ ในการจัดอภิปรายที่มีการเชิญนักวิชาการด้านสื่อเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็น นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นางนันทนา นันทวโรภาส คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก นางอัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายอภิชาติ ดำดี อดีต ส.ส.ร.และนักพูด ต่างก็เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเปิดกว้างในเรื่องของการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวตุลาการฯในการทำหน้าที่ให้ประชาชน รวมทั้งแนะให้เปิดเฟซบุ๊ก เพื่อเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นในโลกออนไลน์
นายอภิชาติ ยังได้แนะให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องมี 4ซี โดย ซี ที่ 1 คือ คลีน ต้องทำตัวให้สะอาดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากที่สุด เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลนั้น ผู้ที่ถูกพุ่งเป้าดิสเครดิส ก็คือ ผู้วินิจฉัย เมื่อใดที่มีข่าวปรากฏออกสื่อ ทำให้ประชาชนหวั่นไหวต่อความสะอาดของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น การชี้แจงต้องรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ สร้างความเชื่อมั่น เพราะคนไทยอ่อนแอข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึก ส่วนซี ที่ 2คือ เคลียร์ การทำให้กระจ่างแจ้ง ชัดเจน เนื่องจากคนไทยสมาธิสั้น ไม่ค่อยรับข่าวสารที่มีความยาว เพื่อให้รู้เท่าทันวิธีการของนักการเมือง สิ่งที่น่ากลัวสำหรับสังคมไทย คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พยายามใช้วาทกรรมหลีกหลักกฎหมาย ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อและคล้อยตาม ส่วนซีที่ 3 คือ คอมมิวนิเคชัน หรือการสื่อสารที่ต้องสื่อสารกับประชาชนให้ได้มาก เพื่อให้สังคมเข้าใจในช่องทางของการสื่อสาร คนที่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารทางการเมือง คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ที่ได้ใช้การสื่อสารแบบความรู้สึกของประชาชนจนได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และซีที่ 4 คือ คอมมิวนิตี ที่ชุมชน รวมถึงประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับศาลรัฐธรรมนูญได้ และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำตัดสินคดีต่างๆ ได้ด้วย
วันนี้ (18 ส.ค.) ที่ รร.กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้จัดโครงการสัมมนาระหว่างศาลรัฐธรรมนูญและสื่อมวลชน ในหัวข้อเรื่อง “ศาลรัฐธรรมนูญกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ในมุมมองของสื่อ” โดยมีคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 คน ประกอบด้วย นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายจรูญ อินทจาร และ นายสุพจน์ ไข่มุกด์ เข้าร่วม อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า การสัมมนาครั้งนี้ นายชัช ชลวร อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เดินทางมาร่วมด้วย ต่างจากการสัมมนาครั้งก่อนที่ นายชัช จะมาร่วมสัมมนาด้วย
ทั้งนี้ ในการจัดอภิปรายที่มีการเชิญนักวิชาการด้านสื่อเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็น นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นางนันทนา นันทวโรภาส คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก นางอัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์ อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นายอภิชาติ ดำดี อดีต ส.ส.ร.และนักพูด ต่างก็เห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเปิดกว้างในเรื่องของการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวตุลาการฯในการทำหน้าที่ให้ประชาชน รวมทั้งแนะให้เปิดเฟซบุ๊ก เพื่อเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นในโลกออนไลน์
นายอภิชาติ ยังได้แนะให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องมี 4ซี โดย ซี ที่ 1 คือ คลีน ต้องทำตัวให้สะอาดเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากที่สุด เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลนั้น ผู้ที่ถูกพุ่งเป้าดิสเครดิส ก็คือ ผู้วินิจฉัย เมื่อใดที่มีข่าวปรากฏออกสื่อ ทำให้ประชาชนหวั่นไหวต่อความสะอาดของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น การชี้แจงต้องรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ สร้างความเชื่อมั่น เพราะคนไทยอ่อนแอข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึก ส่วนซี ที่ 2คือ เคลียร์ การทำให้กระจ่างแจ้ง ชัดเจน เนื่องจากคนไทยสมาธิสั้น ไม่ค่อยรับข่าวสารที่มีความยาว เพื่อให้รู้เท่าทันวิธีการของนักการเมือง สิ่งที่น่ากลัวสำหรับสังคมไทย คือ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พยายามใช้วาทกรรมหลีกหลักกฎหมาย ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อและคล้อยตาม ส่วนซีที่ 3 คือ คอมมิวนิเคชัน หรือการสื่อสารที่ต้องสื่อสารกับประชาชนให้ได้มาก เพื่อให้สังคมเข้าใจในช่องทางของการสื่อสาร คนที่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารทางการเมือง คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ที่ได้ใช้การสื่อสารแบบความรู้สึกของประชาชนจนได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และซีที่ 4 คือ คอมมิวนิตี ที่ชุมชน รวมถึงประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับศาลรัฐธรรมนูญได้ และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำตัดสินคดีต่างๆ ได้ด้วย