รมต.ประจำสำนักนายกฯ บอกเป็นไปได้ “เจ๊ปู” จัดรายการรวิทยุเหมือนอดีตนายกฯ ที่ผ่านมา ยันถ้าได้คุมสื่อจริงจะไม่แทรกแซง แต่จะใช้วิธีพูดคุยถึงบทบาทแต่ละช่องแต่ละสื่อจะช่วยกันสร้างสรรค์แก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศและความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลว่า เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) เป็นไปอย่างคึกคัก โดย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงทำเนียบฯ และขึ้นไปยังห้องทำงานชั้น 4 บนตึกบัญชาการ แต่ไม่ได้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หลังจากเข้าทำเนียบฯ ไม่นานก็ได้เดินลงมาจากห้องทำงานที่ตึกบัญชาการและขึ้นรถส่วนตัวออกไปทันทีโดยไม่ได้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นกัน
ขณะที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะได้กำกับดูแลสื่อของรัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะให้มีรายการนายกรัฐมนตรีพบประชาชนเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีที่ผ่านๆ มาว่า เชื่อว่าเป็นรายการที่ดีที่จะทำความเข้าใจกับประชาชน และคิดว่านายกรัฐมนตรีคงทำเรื่องนี้อยู่ ส่วนรูปแบบและรายละเอียดของรายการยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะเป็นแบบไหน แต่นายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสพูดกับประชาชนอย่างชัดเจน
ส่วนที่มีคนวิจารณ์ว่าไม่อยากให้มีรายการดังกล่าว เพราะอาจจะใช้สื่อของรัฐกำหนดทิศทางและประเด็นเกี่ยวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ยุติธรรมกับฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้าม นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า คงจะไม่พูดให้ออกไปในลักษณะนั้น แต่จะเป็นการพูดเพื่อทำให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวนโยบายหรือปัญหาของบ้านเมือง เพราะในระบอบของประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนจะมีส่วนและถ้าประชาชนเห็นด้วยก็คงจะให้การสนับสนุน แต่สิ่งใดที่ประชาชนไม่เห็นด้วยก็คงจะมีข้อเสนอแนะติติงเข้ามา เราก็จะได้รีบปรับปรุง เพราะถ้าไม่มีรายการลักษณะเช่นนี้ก็จะทำให้การสื่อสารกับประชาชนล่าช้าออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการรายงานผลงานที่ทำมาและพูดถึงสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไป และรัฐบาลชุดนี้จะมีลักษณะอะไรที่โดดเด่นขึ้นมาหรือไม่ นายสุรวิทย์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่สิ่งที่เคยทำมาแล้วคือรายการนี้ก็ยังคงมีอยู่ รวมถึงเชื่อว่าเราจะทำอะไรบ้าง ก็น่าจะมีอยู่ด้วย
ต่อข้อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการแทรกแซงสื่อ นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า มั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซง แต่จะมีการพูดคุยกันถึงกรอบการทำงานเพื่อที่จะให้สื่อมวลชนเป็นองค์การกลางในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และตนยังคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานดูแลสื่อจริง ตนจะชวนสื่อเป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหาของประเทศและเป็นแนวหน้าในการพัฒนาประเทศ เช่น เรื่องการศึกษา การท่องเที่ยว โดยสร้างภาพลักษณ์อย่างไรให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติดจะไม่พูดเรื่องการปราบปรามอย่างเดียว หรือโทษที่จะได้รับหากกระทำความผิด โดยตนเชื่อว่าคงสนุกถ้าได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน และจะประสานกับทุกกระทรวงฯ
สำหรับเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม ที่ประกาศตัวว่ายืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง จะมีการขอความร่วมมืออย่างไร นายสุรวิทย์กล่าวว่า คงต้องคุยกันว่าบทบาทของแต่ละช่องแต่ละสื่อจะช่วยกันได้อย่างไร ที่จะมาทำงานเช่นนี้เพราะแนวทางของตนยังคิดว่าข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ก็จะได้มีมุมที่จะแสดงหรือพูดที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันแก้ไขปัญหาประเทศ สร้างความสามัคคีของคนในชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าทางฝ่ายค้านขอเวลาทางทีวีบ้างได้หรือไม่ นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เมื่อถามต่อว่า แล้วรายการสื่อของรัฐที่ออกอากาศทิ่มตำคนบางกลุ่ม จะยังมีอยู่หรือไม่ นายสุรวิทย์กล่าวว่า ก็ต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า ในส่วนของรายการคลายปม ต้องถูกทอดออกหรือไม่ นพ.สุรวิทย์กล่าวว่า ต้องคุยกัน เพราะขณะนี้ตนยังไม่ได้รับมอบหมายและรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย
