วานนี้ (15 ส.ค)นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีกระแสข่าวว่า จะได้กำกับดูแลสื่อของรัฐ เปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่จะให้มีรายการนายกรัฐมนตรีพบประชาชน เช่น เดียวกับนายกรัฐมนตรีที่ผ่าน ๆ มาว่า เชื่อว่าเป็นรายการที่ดีที่จะทำความเข้าใจกับประชาชน และคิดว่านายกรัฐมนตรีคงทำเรื่องนี้อยู่ ส่วนรูปแบบและรายละเอียดของรายการนั้น ยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะเป็นแบบไหน แต่นายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสพูดกับประชาชนอย่างชัดเจน
ทั้งนี้หามีผู้วิจารณ์ว่าไม่อยากให้มีรายการดังกล่าว เพราะอาจจะใช้สื่อของรัฐกำหนดทิศทางและประเด็นเกี่ยวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ยุติธรรมกับฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้าม รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า คงจะไม่พูดให้ออกไปในลักษณะนั้น แต่จะเป็นการพูดเพื่อทำให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวนโยบายหรือปัญหาของบ้านเมือง เพราะในระบอบของประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนจะมีส่วนร่วม และถ้าประชาชนเห็นด้วยก็คงจะให้การสนับสนุน แต่ถ้าสิ่งใดที่ประชาชนไม่เห็นด้วย ก็คงจะมีข้อเสนอแนะติติงเข้ามาก็จะได้รีบปรับปรุง เพราะถ้าไม่มีรายการลักษณะเช่นนี้ก็จะทำให้การสื่อสารกับประชาชนล่าช้าออกไป
ส่วนที่ผ่านมาสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการรายงานผลงานที่ทำมาและพูดถึงสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไป แล้วรัฐบาลชุดนี้จะมีลักษณะอะไรที่โดดเด่นขึ้นมา นายสุรวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่สิ่งที่เคยทำมาแล้วคือรายการนี้ก็ยังคงมีอยู่ รวมถึงเชื่อว่า เราจะทำอะไรบ้าง ก็น่าจะมีอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการแทรกแซงสื่อ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า “มั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซง แต่จะมีการพูดคุยกันถึงกรอบการทำงานเพื่อที่จะให้สื่อมวลชนเป็นองค์กรกลาง ในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และผมยังคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานดูแลสื่อจริง ก็จะชวนสื่อเป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหาของประเทศและเป็นแนวหน้า ในการพัฒนา ประเทศ อาทิ เรื่องการศึกษา การท่องเที่ยว โดยสร้างภาพพจน์อย่างไรให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติด จะไม่พูดเรื่องการปราบปรามอย่างเดียวหรือโทษที่จะได้รับหากกระทำความผิด โดยผมเชื่อว่าคงสนุกถ้าได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน และจะประสานกับทุกกระทรวงฯ” นายสุรวิทย์ กล่าว
ส่วนสื่อเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม ที่ประกาศตัวว่ายืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง จะมีการขอความร่วมมืออย่างไร นายสุรวิทย์ กล่าวว่า คงต้องคุยกันว่าบทบาทของแต่ละช่อง แต่ละสื่อจะช่วยกันได้อย่างไรที่จะมาทำงานเช่นนี้ เพราะแนวทางของตนยังคิดว่าข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ก็จะได้มีมุมที่จะแสดงหรือพูดที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันแก้ไข ปัญหาประเทศ สร้างความสามัคคีของคนในชาติ
เมื่อถามว่า ถ้าฝ่ายค้านขอเวลาทางทีวีบ้างจะได้หรือไม่ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา
เมื่อถามต่อว่า แล้วรายการสื่อของรัฐที่ออกอากาศทิ่มตำคนบางกลุ่ม จะยังมีอยู่หรือไม่ นายสุรวิทย์ กล่าวว่า ก็ต้องคุยกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในส่วนของรายการคลายปม ต้องถูกถอดออกหรือไม่ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ต้องคุยกัน เพราะขณะนี้ตนยังไม่ได้รับมอบหมายและรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย
ทั้งนี้หามีผู้วิจารณ์ว่าไม่อยากให้มีรายการดังกล่าว เพราะอาจจะใช้สื่อของรัฐกำหนดทิศทางและประเด็นเกี่ยวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่ยุติธรรมกับฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้าม รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า คงจะไม่พูดให้ออกไปในลักษณะนั้น แต่จะเป็นการพูดเพื่อทำให้ประชาชนได้ทราบถึงแนวนโยบายหรือปัญหาของบ้านเมือง เพราะในระบอบของประชาธิปไตย เชื่อว่าประชาชนจะมีส่วนร่วม และถ้าประชาชนเห็นด้วยก็คงจะให้การสนับสนุน แต่ถ้าสิ่งใดที่ประชาชนไม่เห็นด้วย ก็คงจะมีข้อเสนอแนะติติงเข้ามาก็จะได้รีบปรับปรุง เพราะถ้าไม่มีรายการลักษณะเช่นนี้ก็จะทำให้การสื่อสารกับประชาชนล่าช้าออกไป
ส่วนที่ผ่านมาสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการรายงานผลงานที่ทำมาและพูดถึงสิ่งที่รัฐบาลจะทำต่อไป แล้วรัฐบาลชุดนี้จะมีลักษณะอะไรที่โดดเด่นขึ้นมา นายสุรวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดชัดเจน แต่สิ่งที่เคยทำมาแล้วคือรายการนี้ก็ยังคงมีอยู่ รวมถึงเชื่อว่า เราจะทำอะไรบ้าง ก็น่าจะมีอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการแทรกแซงสื่อ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า “มั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซง แต่จะมีการพูดคุยกันถึงกรอบการทำงานเพื่อที่จะให้สื่อมวลชนเป็นองค์กรกลาง ในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชน และผมยังคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานดูแลสื่อจริง ก็จะชวนสื่อเป็นองค์กรหลักในการแก้ปัญหาของประเทศและเป็นแนวหน้า ในการพัฒนา ประเทศ อาทิ เรื่องการศึกษา การท่องเที่ยว โดยสร้างภาพพจน์อย่างไรให้คนต่างชาติเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ส่วนเรื่องยาเสพติด จะไม่พูดเรื่องการปราบปรามอย่างเดียวหรือโทษที่จะได้รับหากกระทำความผิด โดยผมเชื่อว่าคงสนุกถ้าได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน และจะประสานกับทุกกระทรวงฯ” นายสุรวิทย์ กล่าว
ส่วนสื่อเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียม ที่ประกาศตัวว่ายืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง จะมีการขอความร่วมมืออย่างไร นายสุรวิทย์ กล่าวว่า คงต้องคุยกันว่าบทบาทของแต่ละช่อง แต่ละสื่อจะช่วยกันได้อย่างไรที่จะมาทำงานเช่นนี้ เพราะแนวทางของตนยังคิดว่าข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีอยู่ก็จะได้มีมุมที่จะแสดงหรือพูดที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันแก้ไข ปัญหาประเทศ สร้างความสามัคคีของคนในชาติ
เมื่อถามว่า ถ้าฝ่ายค้านขอเวลาทางทีวีบ้างจะได้หรือไม่ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา
เมื่อถามต่อว่า แล้วรายการสื่อของรัฐที่ออกอากาศทิ่มตำคนบางกลุ่ม จะยังมีอยู่หรือไม่ นายสุรวิทย์ กล่าวว่า ก็ต้องคุยกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในส่วนของรายการคลายปม ต้องถูกถอดออกหรือไม่ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ต้องคุยกัน เพราะขณะนี้ตนยังไม่ได้รับมอบหมายและรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย