“ธีระชัย” โต้ “กรณ์” ยันตรวจสอบ “ปู” โปร่งใส อ้างมีด่านป้องกันถึง 5 ชั้น ยากที่จะบิดเบือน ลั่นถือเป็นการไม่ให้เกียรติบอร์ด ก.ล.ต. ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความรู้-ประสบการณ์สูง มิหนำซ้ำมีคนที่อดีต รมว.คลัง ตั้งมาเองกับมือรวมอยู่ด้วยถึง 3 คน
วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 17.32 น. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เผยแพร่บทความผ่านทางหน้าเฟซบุ๊ก (Thirachai Phuvanatnaranubala) เพื่อตอบโต้นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ที่ก่อนหน้านี้ได้เหน็บนายธีระชัยว่า “ความเชื่อมั่นต่อการทำงานขององค์กรอิสระในอนาคตจะเป็นอย่างไร หลังจากผู้มีอำนาจบริหารองค์กรรับใช้ฝ่ายการเมืองจนออกนอกหน้า แล้วได้รับการตอบแทนด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี”
โดยบทความโต้กลับชิ้นนี้มีชื่อว่า “คำชี้แจงต่อกรณีคุณกรณ์พาดพิงเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณยิ่งลักษณ์”
เนื้อหามีดังนี้ ... “ตามที่ คุณกรณ์ อดีต รมว คลัง ได้พาดพิงว่า ผมดำเนินการตรวจสอบกรณีคุณยิ่งลักษณ์ โดยหวังผลตอบแทน เป็นการกล่าวหาว่าการทำงานของ ก.ล.ต. ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมานั้นผมขอชี้แจงเรื่องนี้ว่า ก.ล.ต. ได้ดำเนินการเรื่องนี้ ตามหลักเกณฑ์ปกติ
เมื่อแรกที่มีการจัดตั้ง ก.ล.ต.นั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักดีว่า ทุกๆ เรื่องที่ ก.ล.ต.จะต้องดำเนินการนั้นจะเกี่ยวข้องกับเงินและผลประโยชน์จำนวนมาก และหลายบริษัทก็จะมีนักการเมืองหนุนหลังอยู่ จึงต้องออกแบบการทำงานให้เข้มงวดกว่าองค์กรอื่นๆ
ดังนั้น การทำงานจึงจำเป็นต้องออกแบบขั้นตอน ให้มีการถ่วงดุลระหว่าง เลขาธิการ (ซึ่งแต่งตั้งโดยภาคการเมือง) กับ พนักงานภายใน ก.ล.ต.ไว้อย่างหนาแน่นแบบอัตโนมัติ
ระบบงานที่ออกแบบไว้นั้น กรณีหากเลขาธิการอยากจะบิดเบือนเรื่อง จะมีด่านป้องกันถึง 5 ชั้น
ชั้นที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายจะให้อำนาจเจ้า หน้าที่ไว้โดยตรงเต็มที่ โดยเลขาธิการไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ชั้นที่สอง เมื่อรวบรวมข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะนำเข้าพิจารณาใน Enforcement Committee ซึ่งประกอบด้วยผู้อำนวยการฝ่ายงาน line function ทุกฝ่ายงานมาประชุมร่วมกัน โดยมีรองเลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธาน ซึ่งในขั้นนี้ เลขาธิการยังไม่เข้าไปร่วม
ขั้นที่สาม ต่อเมื่อ Enforcement Committee มีการลงมติตัดสินเรื่องแล้ว จึงจะมีการเสนอเรื่องต่อเลขาธิการ โดยจะต้องเสนอตามสายงาน ผ่านหลายระดับ หากใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ต้องบันทึกความเห็นเอาไว้
ขั้นที่สี่ เมื่อเลขาธิการสั่งการไปแล้ว ฝ่ายตรวจสอบกิจการภายในก็มีการสุ่มตรวจเรื่องตามหลังอีกครั้ง
ขั้นที่ห้า หากเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เช่นกรณีของคุณยิ่งลักษณ์ ก็จะมีการนำเสนอให้ บอร์ด ก.ล.ต.รับทราบด้วย เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและความเห็นจากบอร์ด
สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับกลุ่มบริษัท ชินคอร์ป นั้น ยังมีการตรวจสอบซ้ำพิเศษอีกหนึ่งชั้นด้วย โดยคณะกรรมการ คตส. ซึ่งเป็นคณะกรรมการตั้งขึ้นภายหลังการปฏิวัติรัฐประหาร เท่ากับมีการถ่วงดุลตรวจสอบกันถึงหกชั้น
การคิดว่า เลขาธิการ ก.ล.ต.สามารถจะบิดเบือนเรื่อง เพื่อหาประโยชน์ทางการเมืองนั้น เป็นการไม่ให้เกียรติพนักงาน ก.ล.ต.
หากผมมีการฝืนหรือบังคับใจเจ้าหน้าที่ คงจะมีใครไปฟ้องสื่อมวลชนไปแล้วละครับ
แต่ที่สำคัญ จะเป็นการไม่ให้เกียรติ คุณนวพร เรืองสกุล ซึ่งเป็นบุคคลที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีคลังได้เลือกเฟ้นด้วยตนเอง และคัดหามากับมือ ให้เป็นประธาน ก.ล.ต. เรียกว่าเป็นบุคคลที่ท่านคัดแล้วคัดอีก
อีกทั้งนายกรณ์ยังเคยออกมาพูด ผ่านสื่อ รับรองสรรพคุณของคุณนวพร เป็นพิเศษด้วย ซึ่งผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าคุณนวพร เป็นผู้ที่เที่ยงธรรม และมีความรู้ความสามารถ
และยังจะเป็นการไม่ให้เกียรติ ดร.ประสาร ไตรรัตนวรกุล ซึ่งเป็นบุคคลที่นายกรณ์ ได้เลือกเฟ้น และแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการแบงค์ชาติ ด้วยตัวเอง ซึ่ง ดร.ประสารนี้ ท่านก็เป็นหนึ่งในบอร์ด ก.ล.ต.อีกด้วย
และยังจะเป็นการไม่ให้เกียรติ คุณอารีพงศ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งก็เป็นผู้ที่ท่านคัดเลือกเอง อีกเช่นกัน และท่านก็เป็นหนึ่งในบอร์ด ก.ล.ต.ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอดีตปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยอดีตคณบดีคณะกฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตผู้ว่าการ สตง.ที่นั่งอยู่ในบอร์ด ก.ล.ต.อีกด้วย
ที่พูดเช่นนี้ เนื่องจากผมได้นำเรื่องเกี่ยวกับคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งได้ผ่านการคัดกรอง 4 ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นแล้ว นำเสนอต่อบอร์ด ก.ล.ต. ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2554 โดยมีการชี้แจงให้ บอร์ด ทราบอย่างละเอียด
ผลการประชุมปรากฏว่า บอร์ด ก.ล.ต.ได้รับทราบ โดยไม่มีผู้ใดเสนอแนะให้ดำเนินการใดๆ ที่แตกต่างไปจากที่ผมได้ทำไว้แม้แต่ผู้เดียว
ซึ่งจากข้อชี้แจงข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า บอร์ด ก.ล.ต.ล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์สูงทั้งนั้น และมีบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรณ์ถึง 3 ท่าน แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่ให้ความเห็นแตกต่างไปจากที่ผมดำเนินการไปเลยครับ
ผมจึงขอยืนยันว่าการดำเนินการเกี่ยวกับกรณีคุณยิ่งลักษณ์นั้น ได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาเสมอ
จึงขอชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันครับ”
โดยเรื่องนี้มีจุดกำเนิดจากการที่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทางภาคประชาชนได้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีซุกหุ้นภาค 2 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการให้การเท็จต่อศาล
นายกรณ์ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งรักษาการรมว.คลัง จึงได้มีหนังสือถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.ล.ต.เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งผลการตรวจสอบออกมาว่า คำให้การต่อศาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ซึ่งนายกรณ์เห็นว่าเป็นข้อสรุปที่ไม่ตรงกับประเด็นที่ต้องการให้หาข้อเท็จจริง