xs
xsm
sm
md
lg

เยอรมันไฟเขียว “แม้ว” เข้าประเทศ-ผลประโยชน์มาก่อน !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าข่าวที่อ้างรายงานโดยสื่อเยอรมันระบุว่าทางการเยอรมันโดยกระทรวงการต่างประเทศนั้นได้ประกาศยกเลิกคำสั่งห้าม ทักษิณ ชินวัตร เข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา มันก็สะท้อนให้เห็นภาพหลายอย่างตามมา ทั้งในเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ทางธุรกิจระหว่างประเทศ

หลังจากทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในกรณีซื้อที่ดินผืนงามย่านรัชดาภิเษก โดยเขาหลบหนีไม่ยอมมารับฟังคำพิพากษาดังกล่าว ขณะเดียวกันยังถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตอีกหลายคดี แต่จำต้องยุติลงชั่วคราวเนื่องจากหลบหนีหมายจับของศาล

จากนั้นทางการไทยก็ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต(พาสปอร์ตแดง) และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ขณะเดียวกันมีหลายประเทศในยุโรปรวมทั้งสหรัฐอเมริกาสั่งห้ามเข้าประเทศ โดยเฉพาะ อังกฤษได้อายัดทรัพย์สินของเขารวมทั้งเงินฝากในธนาคารด้วย

สำหรับประเทศเยอรมันนั้นตามรายงานโดยสื่อต่างประเทศระบุว่าได้มีคำสั่งห้าม ทักษิณ เข้าประเทศเมื่อราวปี 2552 และล่าสุดเพิ่งมีรายงานว่าได้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในรายละเอียดกรณียกเลิกคำสั่งห้ามเข้าประเทศของเยอรมันมันก็มีข้อน่าสังเกตหลายอย่างตามมา และถือว่าเป็นเรื่อง “ไม่ปกติ” อย่างแน่นอน โดยเฉพาะยังเป็นช่วงที่มีคาบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทางการเยอรมันนีทำการยึดอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 จากกรณีบริษัทวอเตอร์ บาวน์ คู่กรณีที่ฟ้องเรียกค่าชดใช้จากรัฐบาลไทย จากเรื่องขัดแย้งกันเกี่ยวกับสัมปทานในการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นได้สร้างรอยร้าวต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในยุครัฐบาลรักษาการของ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เพราะหลังจากนั้นก็มีการเชิญเอกอัครราชทูตเยอรมันมาประท้วง และมีแถลงการณ์ตอบโต้จากกระทรวงการต่างประเทศตามมา ซึ่งภาพก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเยอรมันกับ รัฐบาลไทยในปลายยุคของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เริ่มไม่ลงรอย

ประกอบกับก่อนหน้านี้หากจำกันได้ก็เคยมีรายงานว่ามีทีมทนายความของ ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีกด้วย แต่ต่อมาก็มีการปฏิเสธกันอย่างสิ้นเชิงเรื่องจึงเงียบหายไป อย่างไรก็ดีเมื่อล่าสุดมีรายงานข่าวชิ้นใหม่ก็คือ ทางการเยอรมันยกเลิกคำสั่งห้าม ทักษิณ เข้าประเทศ มันก็ย่อมนำมาปะติดปะต่อรวมกันได้ว่าทั้งสองกรณีน่าจะเชื่อมโยงกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกันทางไหนก็ต้องมาวิเคราะห์กันทีละประเด็น

ถ้าพิจารณากันแบบรวบรัดตัดความแล้วก็ต้องเริ่มจากความสัมพันธ์ที่เริ่มเสื่อมทรามลงระหว่างรัฐบาลเยอรมันกับรัฐบาล อภิสิทธิ์ ในยุคปลาย เพราะหากย้อนไปฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่หลุดปากมาว่าที่ผ่านมาบริษัทวอเตอร์บาวน์ พยามยาม “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อขอให้รัฐบาลไทย “ชำระหนี้” ให้จงได้ ความหมายก็คือ “วิ่งเต้น” กันทุกวิถีทาง แต่ไม่สำเร็จ

ความหมายต่อมาก็คือ เมื่อวิ่งเต้นกับรัฐบาลหนึ่งไม่สำเร็จ ก็ต้องหาทางวิ่งเต้นกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งทางการเยอรมันก็ย่อมรู้ข้อมูลดีอยู่แล้วไม่ต่างจากคนไทยว่าคนที่มีอำนาจและเป็น “เจ้าของ” ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตัวจริงก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง มันจึงต้องมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างประเทศในอนาคตหรือไม่

การเปิดไฟเขียวให้ ทักษิณ เข้าประเทศ มันก็เหมือนเป็นการปูทางไปสู่ความสัมพันธ์ทางด้านอื่นตามมาหรือไม่ เพราะรู้กันอยู่แล้วรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กำลัง “ตกกระป๋อง” เพราะอย่างที่เข้าใจกันก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศส่วนใหญ่ล้วนตามมาด้วยข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ไม่ใช่อยู่บนพื้นฐาน หรือหลักการทางกฎหมาย หรือความยุติธรรมที่ตายตัวที่มักอ้างบังหน้าแต่อย่างใดไม่

กรณีที่เกิดขึ้นกับ ทักษิณ ที่เกิดขึ้น หากเป็นจริงตามรายงานข่าวต่างประเทศยืนยัน ประกอบกับความบาดหมางในเรื่องการยึดอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ที่มีบริษัทวอเตอร์บาวน์ มาเกี่ยวข้องนั้น มันก็สะท้อนให้เห็นว่าทางการเยอรมันได้เปลี่ยนแปลงท่าทีใหม่อย่างชัดเจนแล้ว และที่สำคัญก็คือเป็นการเลือกที่จะต่อรองผลประโยชน์กับรัฐบาลใหม่ที่ชี้นำโดย ทักษิณ ชินวัตร มากกว่า เพราะภาพที่ปรากฏให้เห็นมันจะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้

ขณะเดียวกันมันก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลในยุคของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และภายใต้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ชื่อ กษิต ภิรมย์ กว่าสองปี ที่ทำหน้าที่ก็ประสบความ “ล้มเหลว” ในทุกเรื่อง และกรณีเยอรมัน ถือว่าเกิดขึ้นล่าสุด !!

กำลังโหลดความคิดเห็น