รักษาการ หน.ปชป.รับปรึกษาอดีต หน.พรรค ทั้ง 3 คน ก่อนตัดสินใจหวนคืนเก้าอี้หรือไม่ ชี้ 6 ส.ค.รู้ผล ย้ำ จุดสำคัญพรรคประชาธิปัตย์ขับเคลื่อนเป็นระบบ สู่ความเปลี่ยนแปลงในแนวทางบริหารจัดการยุทศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่มีชื่อในโผบัญชีรายชื่อของการรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องในคดีรถและเรือดับเพลิง ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอชื่อ แต่ นายอภิรักษ์ ได้แถลงข่าวไปแล้วว่าสถานะของเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ในแง่ของการแสดงความรับผิดชอบในเบื้องต้น กับสถานะปัจจุบันที่ได้ทำการลาออกจากผู้ว่าฯ กทม.ส่วนการทำงานทางการเมือง และตำแหน่งในพรรคนั้น เป็นเรื่องที่ในที่ประชุมใหญ่จะพิจารณาต่อไป
เมื่อถามว่า หาก นายอภิรักษ์ ได้รับการดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ปชป.จะส่งผลทำให้ถูกเป็นเป้าโจมตี ในเรื่องทุจริตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ต้องคาดคะเนว่าใครจะไปอยู่ตำแหน่งไหน เพราะขณะนี้ที่ตนเห็นการเสนอข่าว มีรายชื่อไปถึง นายศิริโชค โสภา สมาชิกพรรค ปชป.แล้วด้วย
สำหรับการที่จะตัดสินใจกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเองได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆ ท่าน อดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 3 คน ในเรื่องทิศทางอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว มีทั้งที่มีความเห็นตรงกันและไม่ตรงกัน แต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด
“ผมคิดว่า สิ่งสำคัญจะมองที่ตัวหัวหน้าพรรค หรือ เลขาธิการพรรคไม่ได้ แต่สิ่งที่เราต้องการ ในวันที่ 6 ส.ค.คือ อยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์ขับเคลื่อนเป็นระบบ สู่ความเปลี่ยนแปลงในแนวทางบริหารจัดการยุทศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง กับการรักษาสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ที่คิดเอาไว้ เพราะฉะนั้นต้องมองดูภาพรวมทั้งหมด และต้องช่วยกันทำให้การตัดสินใจวันที่ 6 ส.ค.เป็นการตัดสินใจ อย่างมีเอกภาพ มีพลัง เพื่อเป็นที่พึ่งที่หวังในการทำหน้าที่ของพรรคการเมือง”
ส่วนกรณีที่ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ออกมาระบุว่า ตำแหน่งสภาที่ปรึกษาพรรคถูกลดบทบาทลงไปมาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงสร้างไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และสภาที่ปรึกษา เป็นองค์กรที่ไม่ได้ผูกติดกับคณะกรรมการบริหารในการทำงาน เพราะฉะนั้นการทำงานของสภาที่ปรึกษาเป็นเรื่องที่สมาชิกของสภาที่ปรึกษาเป็นผู้กำหนดกันเอง สำหรับการเคลื่อนไหวของ ส.ส.กลุ่มต่างๆ นั้น ตนถือว่า พรรคเป็นประชาธิปไตย สมาชิกพรรคได้พูดคุยพบปะสังสรรค์ ขอความสนับสนุน แสดงความคิด แสดงความตั้งใจ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกอย่างอยู่ในกรอบอของการแข่งขันตามวิถีประชาธิปไตยที่ดี ก็เป็นอันใช้ได้
สำหรับกรณีที่ นายนคร มาฉิม ส.ส.พิษณุโลก พรรค ปชป.ออกมาระบุว่า มีจำนวน ส.ส.20 คน มีความเห็นว่า หากพรรคไม่ทำการปฏิรูปครั้งใหญ่ พวกตนจะไม่ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรค เพราะหากลงสมัครจะแพ้เช่นเดิม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นคำสัมภาษณ์ แต่ขอเรียนว่า ถ้าพรรคบริหารจัดการไม่ดี ก็จะกระทบต่ออนาคตของพรรค แต่สมาชิกพรรคที่ดีต้องร่วมหัวจมท้ายกับพรรค
