“เจ๊ปู” เผยการร่างนโยบายอยู่ในช่วงศึกษาข้อปฏิบัติตามที่ประกาศไว้จากผู้เกี่ยวข้อง รับยังไม่รู้เงินงบฯ ที่มีอยู่พอหรือไม่ในการทำตามนโยบาย แต่คงต้องปรับจูนกันพอสมควรโดยเฉพาะการหารายได้ ส่วน รมว.ต่างประเทศต้องเป็นนักการทูต สร้างสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนานาชาติได้ดี ปัดตอบคนนอกพรรคหรือไม่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าด้านนโยบายว่า ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราทำนโยบายพร้อมทั้งศึกษาลงไปในภาคปฏิบัติด้วย เราก็พยายามที่จะถามรายละเอียดกับผู้ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด ก่อนที่จะทำงานอย่างเป็นทางการ รวมถึงต้องศึกษาถึงแหล่งที่มาของรายได้ด้วยว่าจะทำอย่างไรให้มีรายได้ เพราะบางครั้งเราจะมองแต่ค่าใช้จ่ายอย่างเดียวไม่ได้ แล้วก็การกระตุ้นภาคเศรษฐกิจโยรวม ช่วงต้นจะเป็นช่วงของการดูแตกย่อยในรายนโยบาย จากนั้นถึงมองในรูปของภาพรวมว่าจะทำอย่างไรให้เกิดวงจรเศรษฐกิจในการกระตุ้นให้มากที่สุด นั้นคือสิ่งที่ได้กลับมาก็คือรายได้ หรือการที่จะทำอะไรให้เป็นการใช้จ่ายและหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากเงินคงคลังพอจะมองออกหรือไม่ว่ารายได้และรายจ่ายที่ตั้งไว้จะมีความสมดุลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องเข้าไปศึกษาในรายละเอียดของนโยบายเสียก่อน เราคงต้องรอผลอย่างเป็นทางการในการที่จะดูงบประมาณที่วางไว้เป็นอย่างไร และเราจะสามารถสานต่อได้อย่างไร
ส่วนการสอบถามข้าราชการที่เกี่ยวข้องในด้านเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นเมื่อใดนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องเริ่มหลังจากที่ผลเป็นทางการแล้ว เพราะวันนี้เราเองก็ต้องรอการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเราก็ไม่อยากจะเข้าไปทำงานอย่างไปเป็นทางการ คงต้องรอทุกอย่างให้เป็นทางการเสียก่อน เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคงจะมีข้อมูลที่จะนำเสนออยู่แล้ว จากนั้นก็คงต้องมาปรับในช่วงสุดท้ายก่อนที่จะแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวนโยบายมีปัญหาและอุปสรรคบ้างหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทุกอย่างทำไปก็คงต้องแก้กันไป อุปสรรคจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ แต่คงต้องปรับจูนความเข้าใจ พร้อมทั้งดูผลกระทบว่าเราจะมาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างไรให้ออกมาดีที่สุด
ต่อข้อถามว่านโยบายอะไรในขณะนี้ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า โดยภาพรวม ทุกนโยบายเราเชื่อมั่นว่าเราจะขับเคลื่อนไปได้ แต่ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงงบประมานบางส่วนที่จะต้องมาดูกันด้วย พร้อมทั้งการหาแหล่งรายได้อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณรายจ่ายประจำจะต้องมาทบทวนใหม่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องขอบอกว่าให้ไปดูสถานะในวันนั้นจะดีกว่า เพราะอะไรที่เป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้วก็คงจะเดินหน้าต่อไป อะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและไม่ต้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะต้องมาหารือกันว่าจะปรับจูนกันได้อย่างไร คงเป็นในลักษณะเช่นนี้ แต่คงจะไม่รื้อ เพราะทุกอย่างได้มีการวางแผนและการดำเนินงานแล้ว แต่ขอให้ไปในส่วนที่จะกระตุ้นเศรษบกิจและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากที่สุด
สำหรับโครงการเมกะโปรเจกต์ หรือโครงการใหญ่ๆ ที่มีการวางแผนไว้จะสานต่อหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นในรายละเอียด เห็นแต่ภาพรวมในข่าว ดังนั้นทุกอย่างเรายังไม่สามารถสรุปได้จนกว่าเราจะเข้าไปศึกษาจนกว่าเราจะเข้าไปศึกษาอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่างบประมาณจะไม่พอในการทำนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราคงต้องทีวิธีการในการหารายได้ พร้อมทั้งเราต้องมีเฟสในการทำงานด้วยอยู่แล้ว คงจะบอกอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เราทำงานจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องมีความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับประเทศต่างๆได้ ต้องมีความเข้าใจพื้นฐานทางด้านการทูตเป็นอย่างดี เพราะเราต้องการจะเน้นในเรื่องของความสัมพันธ์ต่อนานาประเทศกลับมา ไม่จำเป็นต้องเป็นใคร เป็นใครก็ได้แต่ขอให้มีความรู้ความสามารถ ส่วนจะเป็นคนนอกหรือคนในนั้นคงต้องรอดูก่อนจะดีกว่า
ทั้งนี้ นายโจฮันเนส เพแทร์ลิก (H.E.Dr.Johannes Peterlik) เอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทย และนายอังเดร วาย. แพลม (H.E.Mr.Andrey Y. Plam) อุปทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เดินทางเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแสดงความยินดีที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเอกอัครราชทูตออสเตรียกล่าวว่า ยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่ได้รับชัยชนะ พร้อมร่วมทั้งสนุบสนุนรัฐบาลไทยชุดใหม่ ทั้งด้านการค้า ความมั่นคง และนโยบายปรองดอง
ทั้งนี้ มองว่าสิ่งที่ต้องการเห็นคือประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาเสียโอกาสในการเป็นผู้นำอาเซียน ความสัมพันธ์ทางการค้าของไทยกับออสเตรียก็มีมาตลอด เช่น การส่งออกเรดบูล ซึ่งเข้าใจดีว่าไทยไม่ใช่ประเทศเดียวในโลก ที่ประสบปัญหาความขัดแย้ง แต่ไทยดำเนินการถูกทางแล้ว ที่เดินหน้าสร้างความปรองดอง อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสจะขอเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลไทย ไปเยือนประเทศออสเตรียอย่างเป็นทางการ
ด้านอุปทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้แสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทย พร้อมมองว่าการเลือกตั้งเป็นรากฐานสำคัญในการเข้าสู่แนวทางปรองดอง ซึ่งไทยกับรัสเซียมีความสัมพันธ์กันมากว่า 165 ปี มีความร่วมมือหลายด้าน และส่งออกสินค้าจำนวนมาก เช่น ผลผลิตทางการเกษตร ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การดำเนินการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นรัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเป็นหลัก แม้การส่งออกยังดีอยู่ แต่ในยุโรปยังมีปัญหาเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องเน้นการกระตุ้นการบริโภค และการลงทุน ในประเทศเป็นหลัก ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีหลายนโยบาย เช่น การลดภาษี พร้อมกันนี้ได้เชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางเยือนประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ เพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน