รัฐมนตรีต่างประเทศยันกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมฯ กรณีโบอิ้ง 737 เป็นระยะ ชี้ไม่วางเงินประกันรอสู้ความในชั้นศาล เผยยืนยันต่อ รมต.ต่างประเทศเยอรมนีแล้วเป็นเครื่องส่วนพระองค์ คาดพิพากษากลางเดือนหน้า พร้อมหารืออัยการสูงสุดทันทีที่ถึงไทย มั่นใจหลักฐานชัด ลั่นพร้อมสู้วอเตอร์บาว ทั้งในเยอรมันและสหรัฐ
วันนี้ (22 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีทางการไทยยืนกรานจะไม่จ่ายเงินวางประกัน 845 ล้านบาทเพื่อถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่งว่า ไม่ใช่เรายืนกรานทั้งหมด ต้องอย่าลืมว่าเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ของพระองค์ท่าน จะทำไม่ทำอะไรเป็นเรื่องที่ต้องกราบบังคมทูล ก็ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลเป็นระยะ และท่าทีเบื้องต้นที่ได้ปรึกษาหารือกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เห็นว่าในเมื่อเครื่องบินเป็นของพระองค์ท่าน เราก็ต้องยืนยันข้อมูลนี้ต่อศาลเยอรมนี เพราะการไปวางเงินประกันเท่ากับเราไม่ค่อยแน่ใจ เพราะเราได้ชี้แจงต่อศาลเยอรมนี และรัฐบาลเยอรมนี ผ่านหนังสือที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำถึงนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และตนก็มีหนังสือไปถึง รมต.ต่างประเทศเยอรมนี โดยได้พบกับ รมช.ต่างประเทศเยอรมนี ก็ได้บอกไปหมดแล้ว ยืนยันในส่วนฝ่ายบริหารว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นพระราชพาหนะในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไม่ใช่ของรัฐบาลไทย ได้ยื่นหลักฐานทั้งหมดให้ศาลเยอรมนีที่นครมิวนิกแล้ว จนมีการตั้งเงื่อนไขที่จะให้วางเงินประกัน
นายกษิตกล่าวว่า แต่ท่าทีของเราคือไม่วางมัดจำ จะไปสู้ความกันในศาล และศาลจะตัดสินครั้งสุดท้ายคาดว่าเป็นช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม โดยช่วงเย็นวันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เดินทางกลับจากนครมิวนิก จะได้หารือกันทันทีในรายละเอียดเพื่อจัดเตรียมข้อมูลและพยานที่จะไปให้การต่อศาลเยอรมนี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการต่างๆ อาจจะมีอธิบดีกรมการบินพาณิชย์ เจ้ากรมขนส่งทหารอากาศ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราต้องหาผู้เชี่ยวชาญกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้ และอาจจะดูระเบียบว่าด้วยเรื่องพัสดุต่างๆ เป็นเรื่องรายละเอียดเพื่อยืนยันท่าทีของฝ่ายไทยว่าคดีนี้เป็นคดีระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอเตอร์ บาวน์ ไม่ได้เกี่ยวอันใดทั้งสิ้นกับพระองค์ท่านเลย
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าหลักฐานของเราจะสู้ได้ นายกษิตกล่าวว่า มั่นใจตลอด ความมั่นใจก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าศาลเยอรมนีเป็นคนตัดสิน แต่เอกสารทั้งหมดได้บ่งบอกอย่างแน่ชัด และจากที่ศาลได้ดูเอกสารเบื้องต้นเขาก็รับว่าเป็นพระราชพาหนะของพระองค์ท่าน ไม่ได้เป็นของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นของกองทัพอากาศ
เมื่อถามว่า ดูการวางเงื่อนไขให้ยื่นเงินประกันแล้ว เป็นการบีบให้รัฐบาลไทยต้องยอมรับเงื่อนไขหรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า อาจเป็นทางฝ่ายคู่ความของเรา คือ บริษัทวอเตอร์บาวน์ผ่านนายเวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ เขาก็คิดว่าเราจะไม่จ่าย และเขาก็ไปบอกกล่าวในวงการของเยอรมันว่าเราจะไม่จ่าย ซึ่งไม่จริง เรายังสู้ความอยู่ ถึงแม้ว่าคณะอนุญาโตตุลาการเจนีวา จะตัดสินให้เราแพ้ แต่เราไปอุทธรณ์ที่ศาลนิวยอร์ก อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ และเขาก็มาฟ้องศาลที่เยอรมัน เพราะเยอรมนีเป็นสมาชิกของอนุสัญญาของนิวยอร์กว่าด้วยคดีอนุญาโตตุลาการ เราก็จะสู้ในศาลนิวยอร์ก และสู้ในศาลเยอรมันด้วย โดยเฉพาะในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นรายละเอียด ขึ้นอยู่กับสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งเป็นองค์กรหลักของประเทศไทย ในการว่าความคดีกับบริษัท วอเตอร์ บาวน์