นายกฯ เผย อสส.แจงศาลเยอรมนีขอถอนอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์พระบรมฯ แล้ว คาด 4 โมงเย็นรู้ผล ยันไม่ใช่เครื่องบินของรัฐ เชื่อ ทุกอย่างคลี่คลายได้ ชี้ เรื่องคดีความอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ สับผู้ฟ้องไม่ควรทำ ยันไทยพร้อมทำตามคำพิพากษาสูงสุด ระบุ เป็นเรื่องเอกชนฟ้องไม่เกี่ยวรัฐบาล ไม่กระทบสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ซอยสุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทางการเยอรมนีอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ส่วนพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร ว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ทางอัยการสูงสุดได้เดินทางไปยังเยอรมนีเพื่อนำข้อเท็จจริงไปให้ศาลเยอรมนีได้พิจารณาว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ ซึ่งศาลได้รับฟังข้อเท็จจริงแล้วโดยเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นเยอรมนี ซึ่งตรงกับเวลา 16.00 น.ตามเวลาประเทศไทยจะมีการตัดสินว่าจะมีการถอนอายัดเครื่องบินหรือไม่ โดยทางฝ่ายไทยหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน และคงชัดเจนเพราะที่ผ่านมาศาลเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่า เครื่องบินลำนี้เป็นของรัฐบาล ซึ่งความจริงไม่ใช่ ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ประสานงานทุกช่องทางเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีได้อำนวยความสะดวกทางด้านกฎหมายให้กับฝ่ายไทย และถือว่า เป็นเรื่องของเอกชนที่ไปฟ้องศาล ซึ่งฝ่ายบริหารจะเข้าไปแทรกแซงศาลไม่ได้ คิดว่า ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายได้ ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้วว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระบรมฯ และทรัพย์สินของพระองค์ท่านไม่ควรเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนคดีหลักเรื่องการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยนั้นอยู่ระหว่างที่กำลังยื่นอุทธรณ์ที่ศาลนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเราไม่ทราบว่าจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนแต่ที่ผ่านมาคดีจะใช้เวลามากพอสมควร ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในชั้นอุทธรณ์ เมื่อถามว่า รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาที่จะอาจจะถูกอายัดทรัพย์สินของรัฐบาลอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมีเรื่องนี้เกิดขึ้น และทางอัยการสูงสุดกำลังดำเนินการแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ เพราะเป็นช่วงรอยต่อของคดีที่ไทยเตรียมยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 29 ก.ค.นี้ ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาอายัดทรัพย์สินอะไร เพราะเมื่อชั้นสุดท้ายศาลตัดสินอย่างไร หรือให้ประเทศไทยชำระหนี้เราต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว รัฐบาลไม่มีทางหนีไปไหนทรัพย์สินของรัฐบาลมีอยู่มากมาย และเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ทางการเยอรมนีจะต้องมาดำเนินการอะไร
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการการไต่สวนของเยอรมนีทำไมไต่สวนฝ่ายเดียว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากไปวิจารณ์กระบวนการยุติธรรม แต่เราข้องใจว่าทำไมถึงไต่สวนฝ่ายเดียว เข้าใจว่า ฝ่ายผู้ร้องคงจะอ้างว่าเป็นเรื่องฉุกเฉิน และเป็นมาตรการชั่วคราวที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน อย่างไรตาม ขณะนี้ภารกิจสำคัญคือให้มีการถอนอายัดเครื่องบินของพระองค์ท่านเสียก่อน และต่อไปไม่ควรมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องของเอกชน เมื่อถามว่า ที่นายกฯระบุว่าเป็นเรื่องเอกชน และอัยการสูงสุดดำเนินการอยู่มาตรการเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางอัยการสูงสุดเตรียมการไว้แล้วในชั้นนี้ไม่อยากให้เอามาปะปนทำให้เกิดความสับสนเพราะภารกิจเร่งด่วนคือการถอนอายัด
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลจะชี้แจงกับประชาชนเพราะส่งผลกระทบความรู้สึกประชาชน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ ตลอดระยะเวลา 2 วันที่ผ่านมาดำเนินการเต็มที่ ไม่ว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เอกอัครราชไทยประจำเยอรมนี อัยการสูงสุด และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง คิดว่า ภายในวันที่ 15 ก.ค.นี้เรื่องทุกอย่างจะจบลงได้ นอกจากนั้น ขอให้เข้าใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลเยอรมัน แต่เป็นเรื่องเอกชนรายหนึ่งที่ไปฟ้องศาลและใช้อำนาจศาล ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีไม่มีอำนาจไปแทรกแซง แต่ได้อำนวยความสะดวกอย่างดีให้เราใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เอกชนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง