ครม.มีมติยึดตามพระราชบัณฑูรสมเด็จพระบรมฯ เร่งยุติคดีวอลเตอร์ บาว ป้องกันกระทบสัมพันธไทย-เยอรมนี เน้นคลี่คลายคดีหลัก เหตุเป็นเรื่องรับผิดชอบระหว่างรัฐบาลกับเอกชน พร้อมมีมาตรการพิทักษ์สมบัติประชาชนไทยที่ไม่เกี่ยวข้องคดี อัยการสูงสุดดำเนินการส่งจดหมายค้ำประกัน ใช้กลไกยุติคดีที่ยุติป้องกันผลกระทบต่อบุคคลที่สาม
วันนี้(1 ส.ค.) นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ครม.ถึงกรณีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2554 สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทย กับบริษัท วอลเตอร์ บาว ว่า นายกรัฐมนตรีได้เชิญอัยการสูงสุดเข้าชี้แจง ซึ่งโดยหลักอัยการสูงสุดได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้ในกรณีดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างทนาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเครื่องบิน แต่เป็นเรื่องคดีทั้งหมดในภาพรวม
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในการให้ทำการศึกษา ค่าธรรมเนียมศาลต่างๆ ที่ได้ดำเนินการจ้าง ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วโดย ครม.ได้เห็นชอบไปตามนั้น
นายอำพน กล่าวว่า ส่วนในกรณีของเครื่องบินและแถลงการณ์ของส่วนราชการในพระองค์นั้น ครม.ได้รับทราบ และจะยึดแนวพระราชวินิจฉัยที่จะเร่งรัดในการระงับข้อพิพาท ระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว โดยเร็ว ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลไทย กับบริษัท กรณีที่มายึดเครื่องบินของพระองค์ท่านไว้ ทำให้เกิดเรื่องระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอยู่แล้ว ครม.เห็นชอบในแนวทางที่จะยุติคดีนี้โดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องคดีใหญ่ ซึ่งขณะนี้อัยการก็รับในหลักการ และ ครม.ก็รับในหลักการ ให้ไปดำเนินการ และมีมาตรการในการพิทักษ์ทรัพย์สมบัติของคนไทยต่างๆ ในต่างประเทศไม่ใช่แต่เฉพาะแต่เรื่องที่ไประคายเบื้องพระยุคลบาทอย่างเดียว เพราะขณะนี้ถ้ากรณีไมสิ้นสุดทางฝ่ายพวกอายัดทรัพย์ทั้งหลายก็ไปอายัดตามรัฐบาลต่างๆ บางครั้งก็ทำไปอย่างที่ผิดพลาดอย่างคราวนี้
“ครม.เห็นชอบในหลักการที่จะให้เร่งรัดในการยุติคดี ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทยกับ วอลเตอร์ บาว โดยเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้มีมาตรการต่างๆ และกลไกต่างๆ ที่จะทำให้การอายัดทรัพย์ต่างๆ กับคดีที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่พระองค์ท่านเอง และในเรื่องของทรัพย์สมบัติโดยทั่วไปของประชาชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งในส่วนนี้ ครม.ก็ได้น้อมรับพระราชบัณฑูรตามแถลงการณ์ที่จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครเป็นคนจ่ายเงิน นายกิตติพน กล่าวว่า จะต้องให้นายกรัฐมนตรีได้นำความถวายรายงานก่อนว่าสถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร เข้าใจว่า การวางหลักประกันในคดีใหญ่ ที่เป็นลักษณะการวางค้ำประกันก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ทางอัยการสูงสุดเสนอมา แต่คณะรัฐมนตรียึดหลักตามพระราชบัณฑูรว่าจะต้องเร่งรัดคดีใหญ่ให้เสร็จโดยเร็ว และไม่กระทบกระเทือนกับแม้แต่ทรัพย์สินของคนไทยที่อาจจะโดนวอเตอร์บาวน์ดำเนินการ
“ในขณะนี้ ครม.ให้กรอบแนวทางให้เร่งรัดในการให้คดีนี้ยุติโดยเร็ว ทางอัยการก็ได้เสนอมาตรการกลไกหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งก็คือการวางจดหมายค้ำประกัน ซึ่งในขั้นต้นทางนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงเอง หลังจากที่ได้ถวายรายงานกับสถานการณ์ล่าสุดก่อน ส่วนข้อเสนอของอัยการไม่สามารถที่จะนำมาเสนอได้ เพราะจะเป็นรูปคดีที่เขาจะไปต่อรอง” นายอำพน กล่าว
ต่อข้อถามว่า ในกรณีที่บอกว่า เดี๋ยวเขาจะไปยึดอายัดที่อื่นหากไปอายัดสถานทูตไทยในเเยอรมนีจะทำอย่างไร นายอำพน กล่าวว่า มีการคุ้มครองทางการทูตอยู่ ตนขอยืนยัน หลักสองหลัก ก็คือ ครม.เห็นชอบในแนวทางสามสี่แนวทางที่ อัยการเสนอ รวมทั้งพระราชบัณฑูรในแถลงการณ์ ว่า จะต้องยุติคดีหลักโดยเร็ว สองจะต้องไม่กระทบกระเทือนสัมพันธภาพระหว่างประเทศไทย และเยอรมนี และสาม กลไกในการใช้ยุติคดีต้องอยู่บนความเป็นธรรม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการที่นำเอาข้อพิพาทที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ไปมีผลกระทบต่อบุคคลที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้คือสถาบันของเรา ซึ่งเราจะไปเน้นที่คดีหลัก เพื่อไม่ให้เกิดการอ้างถึงคดีหลักแล้วทำให้เกิดผลกระทบถึงบุคคลที่สาม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องในคดีนี้ก็คืออย่างที่ทราบ
นายอำพน กล่าวว่า วันนี้ ครม.เห็นชอบในหลักการ คือ เร่งรัดตามพระราชบัณฑูรให้ยุติคดีหลักโดยเร็ว โดยที่การอ้างข้อพิพาทในคดีหลักแล้วไปทำการยึดทรัพย์กับบุคคลที่สามซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีหลักเลย อันนี้เป็นการเร่งดำเนินการและเป็นความรับผิดชอบระหว่างรัฐบาลกับบริษัทเอกชน ซึ่งรายละเอียดของคดีมีกลไกต่างๆ มากมาย ซึ่งตนต้องระวังในการแถลง เพราะอาจทำให้การต่อรองเจรจาในรูปคดีเสีย