แม้ทุกอย่างในกระบวนการของรัฐสภาไม่สามารถกำหนดได้ แต่ฤกษ์งามยามดีที่นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทยต้องการก็คือ
อังคารที่ 9 สิงหาคม เป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
ซึ่งรู้กันดีว่า ตระกูลชินวัตรแทบทุกคนเชื่อถือโชคลางอย่างยิ่ง แม้กระทั่งเดียรฉานวิชาคนตระกูลนี้ก็งมงายมาก เฉพาะตัว “ปูแดง-ยิ่งลักษณ์” แม้ภาพลักษณ์จะเป็นนักธุรกิจหญิงสมัยใหม่ นักเรียนนอก แต่ความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม วิถีดวงดวงทางโหรศาสตร์ ก็มีข่าวว่าเธอคล้ายๆ พี่ชาย ทักษิณ และพี่สะใภ้ พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องการเชื่อเรื่องโชคชะตาพยากรณ์
ดังนั้น วันอังคาร์ที่19 ส.ค. จึงถือกำหนดให้เป็นวันเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องตามวิถีดวงดาวที่ถือว่าเป็นวันยอดขุนพล การขึ้นสู้อำนาจในวันอังคารจะมีความเก่งกล้าแข็งแกร่ง และจะเอาชนะศัตรูได้
กระนั้นเมื่อปัจจัยหลายอย่างไม่สามารถกำหนดได้อย่างแน่นอน 9 สิงหาคมก็อาจไม่ใช่วันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ก็คาดว่าน่าจะไม่เกิน 12 สิงหาคม
หลังจากลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนการเมืองลำดับต่อไป ก็คือการฟอร์มคณะรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะใช้เวลาหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะเกิน 7 วัน
เลขที่สวยที่สุด ที่เพื่อไทยหวังไว้ก็คือ ให้รายชื่อครม.น่าจะประกาศได้อย่างเป็นทางการก็คือในช่วง 19 สิงหาคม
หลังจากนั้นก็นำครม.ทั้งหมดเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วตามด้วยรัฐมนตรีแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปเข้ากระทรวง หน่วยงานรัฐที่ตัวเองรับผิดชอบ เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาทราบและเอาไปปฏิบัติ
เป็นงานหนักที่รออยู่ข้างหน้า เพราะต้องพยายามผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
ส่วนเรื่องการย้ายล้างบางขั้วอำนาจเก่าที่เป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยในหน่วยงานราชการทุกแห่ง สายข่าวเพื่อไทยหลายสาย ย้ำตรงกันทุกสาย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” จะยังไม่มีการทำทันที ต้องรอให้ทอดเวลาออกไปอีกสักระยะ ถึงค่อยดำเนินการ
บางรายจะทำแบบย้ายฟ้าผ่า ชนิดยิ่งกว่าวาระจรปกติ คือจะพิมพ์คำสั่งเด้งกันหน้าห้องประชุมคณะรัฐมนตรีกันเลยก็มี ข่าวนี้ ยืนยันได้ บิ๊กข้าราชการหลายหน่วยงานที่รู้ตัวว่ามีชื่อติดโผบัญชีดำเพื่อไทยก็เตรียมใจไว้ได้เลย
และเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เข้าห้องประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีแต่ละคน เข้าปฏิบัติงานแล้ว สเตปถัดมาก็คือรอวันนัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อทำการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อที่ประชุมร่วมส.ส.และสว.
ซึ่งนโยบายหลักๆ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะแถลงต่อรัฐสภา พบว่า ช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มเตรียมการกันไปพอควรแล้ว
ว่าที่นายกฯยิ่งลักษณ์ได้เรียกประชุมทีมงานระดับคีย์แมนของพรรคทั้งด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ การเงินการคลัง การต่างประเทศ ความมั่นคง มาประชุมทั้งวงเล็กวงใหญ่แทบทุกวัน ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ของกรอบนโยบายพรรคที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะนำไปลงลึกทำ Action Plan ได้แค่ไหน ควรเริ่มทำเมื่อใด จะใช้งบส่วนไหน จะต้องเขียนแบบกว้างๆ หรือลงลึกรายละเอียดไปเลยในกรอบร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา
ทั้งหมดทีมงานคีย์แมนของปู-ยิ่งลักษณ์หารือกันเคร่งเครียดถึงดึกดื่นทุกวัน แต่จะเริ่มรุกหนักเป็นสองเท่าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ตอนนี้ก็ค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไปกันไปก่อน ด้วยการสงวนทีไว้บ้างเพราะยังไม่ทันได้เป็นรัฐบาล ยังไม่ได้เข้าไปบริหารประเทศ ยังไม่ทันเหยียบทำเนียบรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยก็แอบเรียกข้าราชการจากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ธนาคารออมสิน -ธกส.-กระทรวงการคลัง ,กระทรวงศึกษาธิการ ,กระทรวงพลังงาน,กระทรวงพาณิชย์ มาให้ข้อมูลในด้านต่างๆ กับทีมคีย์แมนพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
มีข่าวว่าตอนนี้ทีมคีย์แมน ทีมทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยเริ่มลงไปดูรายละเอียดแต่ละเรื่องมากขึ้น
บางส่วนถึงขั้นเอาข้อมูลต่างๆที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไว้สองปีกว่า เอามาตรวจดูอย่างละเอียด ไม่แตกต่างอะไรไปจากการทำแบบ เลาะชายเสื้อหาตะเข็บ
เพื่อดูความผิดพลาด ข้อบกพร่องต่างๆ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำไว้ ตรวจดูว่าส่วนไหนโครงการไหนที่ต้องล้ม ยกเลิก แล้วก็เตรียมเอางบประมาณที่ตั้งไว้เป็นงบผูกพัน จัดการเอามาแปรรูปเพื่อเตรียมตั้งเป็นงบรายจ่ายปี 55 เพื่อทำโครงการประชานิยมปูจ๋า ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง
อีกทั้งเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับให้ฝ่ายการเมืองในพรรคเพื่อไทยและทีมงานการเมืองของยิ่งลักษณ์ ได้เก็บเอาไว้ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ในช่วงการแถลงนโยบาย เพราะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และขุนพลประชาธิปัตย์ คงเตรียมลับดาบรอกระชวก “ยิ่งลักษณ์”ไว้แล้ว ดังนั้น เพื่อไทย ก็ต้องเตรียมข้อมูลเอาไว้ตอบโต้กันตั้งแต่เนิ่น ๆ เสียแต่ตอนนี้
เพราะประชาธิปัตย์ รู้อยู่แล้วเป็นฝ่ายค้านอาชีพ ส่วน “ยิ่งลักษณ์” หากถามคำตอบคำ ขืนเจอซัดหนักๆ จากฝ่ายค้านรวมถึงวุฒิสมาชิก อาจตายกลางสภาฯ
เพื่อไทยจึงต้องเตรียมข้อมูลเอาไว้ให้ยิ่งลักษณ์ควบคู่ไปกับการเตรียมยกร่างกรอบนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา
อย่างที่เป็นข่าวเล็ดลอดออกมา ก็เช่นทีมนโยบายและทีมการเมืองของพรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปตรวจสอบโครงร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 2555 ซึ่งมีข่าวปรากฏออกมาว่าเพื่อไทยได้เข้าไปดูว่ามีส่วนไหนที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำงบผูกพันเอาไว้แล้วเป็นนโยบายหาเสียงของประชาธิปัตย์
อาทิ โครงการรับประกันรายได้เกษตรกร ที่แต่ละปีใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ก็มีข่าวว่าทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยก็จะพับและตัดออกทั้งหมดเพื่อเอานโยบายรับจำนำข้าวเสียบเข้าไปแทน
ก็ต้องรอชม เกมอุ่นเครื่อง ศึก อภิสิทธิ์ ปะทะ ยิ่งลักษณ์ กลางสภาฯ ฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ ดวล รัฐบาลเพื่อไทย ในการประชุมรัฐสภาแถลงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์กันให้ดี
แม้จะไม่ร้อนแรง ดุเดือดเหมือนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็คงสนุกไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะ หาก “ยิ่งลักษณ์” โดนฝ่ายค้านจัดหนัก หลายๆดอกติดกัน หาก “เจ๊ปู”จะเล่นบท ไม่ตอบ ไม่พูด ท่องตามสคิป อ่านกระดาษชี้แจงข้ออภิปรายของฝ่ายค้าน-สว.ตามที่ทีมงานพิมพ์มาให้ทุกอย่าง ดูแล้ว คงไม่ไหว โดนประท้วงวุ่นวายแน่นอน
ถึงตอนนั้น ไม่รู้ “เจ๊ปู” จะวีนแตก ร้องกรี๊ด โทรศัพท์โอดครวญกับทักษิณว่า พี่จ๋าหนูไม่ไหวแล้ว หรือไม่
ขนาดยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แค่กำลังยกร่างนโยบายกันอยู่ที่พรรคเพื่อไทยทุกวัน ทุกวันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ออกมาจากห้องทำงานชั้น 8 ตึกพรรคเพื่อไทยเพื่อจะกลับบ้านที่จะกลับในช่วงประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆของทุกวัน
เจอหน้านักข่าวจี้ถามทุกวัน ทั้งเช้าทั้งเย็นถึงความคืบหน้านโยบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน บางวัน “ยิ่งลักษณ์” แทบวิ่งออกจากพรรค หนีนักข่าว ขึ้นรถไปเลย เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร เนื่องจากเริ่มเห็นปัญหาในการปฏิบัติแล้วว่า ที่หาเสียงไว้ว่าทำได้ทันทีทั่วประเทศ ถึงเวลาทำจริง อาจทำไม่ได้ ทำได้แค่บางจังหวัดนำร่องไปก่อนเช่นกรุงเทพมหานคร ภูเก็ตเท่านั้น
ยิ่งตอนนี้โดนกระแสต่อต้านหนักจากพวกกลุ่มเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ ที่บอกหากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำจริง ก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือนายจ้าง หาเงินมาอุดส่วนที่นายจ้างจะไปเพิ่มค่าจ้าง 300 บาท ถ้ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ช่วย ก็ต้องปลดคนงาน ครั้นหากเพื่อไทยไม่ทำ ที่ด่า “อภิสิทธิ์”ว่า “ดีแต่พูด” ตัวเองก็อาจโดนย้อนศรบ้างว่า ก็ดีแต่พูด หาเสียง หลอกชาวบ้าน พอทำจริงก็ทำไม่ได้ เลยกลายเป็นปัญหาหนักอก ยิ่งลักษณ์ ตอนนี้
แค่เรื่อง 300 บาทเรื่องเดียว ไม่ต้องดูนโยบายส่วนอื่นๆก็เห็นได้ชัดว่า ระเบิดเวลา หลายลูกกำลังรอ “ยิ่งลักษณ์” ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ไปถอดสลักอยู่
เป็นระเบิดเวลาการเมืองที่อาจทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มอดม้วยมรณาไปได้เลยทั้งสิ้น เพราะความคิดแค่ว่า หาเสียงไว้ เสร็จแล้วก็ลืมๆ กันไป
แต่รอบนี้ ดูเหมือนเพื่อไทย -ยิ่งลักษณ์ อยากลืม แต่ประชาชนกลับจำ
อังคารที่ 9 สิงหาคม เป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
ซึ่งรู้กันดีว่า ตระกูลชินวัตรแทบทุกคนเชื่อถือโชคลางอย่างยิ่ง แม้กระทั่งเดียรฉานวิชาคนตระกูลนี้ก็งมงายมาก เฉพาะตัว “ปูแดง-ยิ่งลักษณ์” แม้ภาพลักษณ์จะเป็นนักธุรกิจหญิงสมัยใหม่ นักเรียนนอก แต่ความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม วิถีดวงดวงทางโหรศาสตร์ ก็มีข่าวว่าเธอคล้ายๆ พี่ชาย ทักษิณ และพี่สะใภ้ พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องการเชื่อเรื่องโชคชะตาพยากรณ์
ดังนั้น วันอังคาร์ที่19 ส.ค. จึงถือกำหนดให้เป็นวันเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องตามวิถีดวงดาวที่ถือว่าเป็นวันยอดขุนพล การขึ้นสู้อำนาจในวันอังคารจะมีความเก่งกล้าแข็งแกร่ง และจะเอาชนะศัตรูได้
กระนั้นเมื่อปัจจัยหลายอย่างไม่สามารถกำหนดได้อย่างแน่นอน 9 สิงหาคมก็อาจไม่ใช่วันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ก็คาดว่าน่าจะไม่เกิน 12 สิงหาคม
หลังจากลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนการเมืองลำดับต่อไป ก็คือการฟอร์มคณะรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะใช้เวลาหลังนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่น่าจะเกิน 7 วัน
เลขที่สวยที่สุด ที่เพื่อไทยหวังไว้ก็คือ ให้รายชื่อครม.น่าจะประกาศได้อย่างเป็นทางการก็คือในช่วง 19 สิงหาคม
หลังจากนั้นก็นำครม.ทั้งหมดเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ แล้วตามด้วยรัฐมนตรีแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปเข้ากระทรวง หน่วยงานรัฐที่ตัวเองรับผิดชอบ เพื่อมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาทราบและเอาไปปฏิบัติ
เป็นงานหนักที่รออยู่ข้างหน้า เพราะต้องพยายามผลักดันนโยบายพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม
ส่วนเรื่องการย้ายล้างบางขั้วอำนาจเก่าที่เป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยในหน่วยงานราชการทุกแห่ง สายข่าวเพื่อไทยหลายสาย ย้ำตรงกันทุกสาย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” จะยังไม่มีการทำทันที ต้องรอให้ทอดเวลาออกไปอีกสักระยะ ถึงค่อยดำเนินการ
บางรายจะทำแบบย้ายฟ้าผ่า ชนิดยิ่งกว่าวาระจรปกติ คือจะพิมพ์คำสั่งเด้งกันหน้าห้องประชุมคณะรัฐมนตรีกันเลยก็มี ข่าวนี้ ยืนยันได้ บิ๊กข้าราชการหลายหน่วยงานที่รู้ตัวว่ามีชื่อติดโผบัญชีดำเพื่อไทยก็เตรียมใจไว้ได้เลย
และเมื่อ “ยิ่งลักษณ์” เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เข้าห้องประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีแต่ละคน เข้าปฏิบัติงานแล้ว สเตปถัดมาก็คือรอวันนัดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อทำการแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต่อที่ประชุมร่วมส.ส.และสว.
ซึ่งนโยบายหลักๆ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะแถลงต่อรัฐสภา พบว่า ช่วงที่ผ่านมาก็เริ่มเตรียมการกันไปพอควรแล้ว
ว่าที่นายกฯยิ่งลักษณ์ได้เรียกประชุมทีมงานระดับคีย์แมนของพรรคทั้งด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ การเงินการคลัง การต่างประเทศ ความมั่นคง มาประชุมทั้งวงเล็กวงใหญ่แทบทุกวัน ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อดูรายละเอียดต่างๆ ของกรอบนโยบายพรรคที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะนำไปลงลึกทำ Action Plan ได้แค่ไหน ควรเริ่มทำเมื่อใด จะใช้งบส่วนไหน จะต้องเขียนแบบกว้างๆ หรือลงลึกรายละเอียดไปเลยในกรอบร่างนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา
ทั้งหมดทีมงานคีย์แมนของปู-ยิ่งลักษณ์หารือกันเคร่งเครียดถึงดึกดื่นทุกวัน แต่จะเริ่มรุกหนักเป็นสองเท่าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ตอนนี้ก็ค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไปกันไปก่อน ด้วยการสงวนทีไว้บ้างเพราะยังไม่ทันได้เป็นรัฐบาล ยังไม่ได้เข้าไปบริหารประเทศ ยังไม่ทันเหยียบทำเนียบรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยก็แอบเรียกข้าราชการจากหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ, สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ธนาคารออมสิน -ธกส.-กระทรวงการคลัง ,กระทรวงศึกษาธิการ ,กระทรวงพลังงาน,กระทรวงพาณิชย์ มาให้ข้อมูลในด้านต่างๆ กับทีมคีย์แมนพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้
มีข่าวว่าตอนนี้ทีมคีย์แมน ทีมทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยเริ่มลงไปดูรายละเอียดแต่ละเรื่องมากขึ้น
บางส่วนถึงขั้นเอาข้อมูลต่างๆที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไว้สองปีกว่า เอามาตรวจดูอย่างละเอียด ไม่แตกต่างอะไรไปจากการทำแบบ เลาะชายเสื้อหาตะเข็บ
เพื่อดูความผิดพลาด ข้อบกพร่องต่างๆ ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำไว้ ตรวจดูว่าส่วนไหนโครงการไหนที่ต้องล้ม ยกเลิก แล้วก็เตรียมเอางบประมาณที่ตั้งไว้เป็นงบผูกพัน จัดการเอามาแปรรูปเพื่อเตรียมตั้งเป็นงบรายจ่ายปี 55 เพื่อทำโครงการประชานิยมปูจ๋า ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง
อีกทั้งเพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับให้ฝ่ายการเมืองในพรรคเพื่อไทยและทีมงานการเมืองของยิ่งลักษณ์ ได้เก็บเอาไว้ตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ในช่วงการแถลงนโยบาย เพราะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และขุนพลประชาธิปัตย์ คงเตรียมลับดาบรอกระชวก “ยิ่งลักษณ์”ไว้แล้ว ดังนั้น เพื่อไทย ก็ต้องเตรียมข้อมูลเอาไว้ตอบโต้กันตั้งแต่เนิ่น ๆ เสียแต่ตอนนี้
เพราะประชาธิปัตย์ รู้อยู่แล้วเป็นฝ่ายค้านอาชีพ ส่วน “ยิ่งลักษณ์” หากถามคำตอบคำ ขืนเจอซัดหนักๆ จากฝ่ายค้านรวมถึงวุฒิสมาชิก อาจตายกลางสภาฯ
เพื่อไทยจึงต้องเตรียมข้อมูลเอาไว้ให้ยิ่งลักษณ์ควบคู่ไปกับการเตรียมยกร่างกรอบนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา
อย่างที่เป็นข่าวเล็ดลอดออกมา ก็เช่นทีมนโยบายและทีมการเมืองของพรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปตรวจสอบโครงร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 2555 ซึ่งมีข่าวปรากฏออกมาว่าเพื่อไทยได้เข้าไปดูว่ามีส่วนไหนที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำงบผูกพันเอาไว้แล้วเป็นนโยบายหาเสียงของประชาธิปัตย์
อาทิ โครงการรับประกันรายได้เกษตรกร ที่แต่ละปีใช้งบหลายหมื่นล้านบาท ก็มีข่าวว่าทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยก็จะพับและตัดออกทั้งหมดเพื่อเอานโยบายรับจำนำข้าวเสียบเข้าไปแทน
ก็ต้องรอชม เกมอุ่นเครื่อง ศึก อภิสิทธิ์ ปะทะ ยิ่งลักษณ์ กลางสภาฯ ฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ ดวล รัฐบาลเพื่อไทย ในการประชุมรัฐสภาแถลงนโยบายรัฐบาลยิ่งลักษณ์กันให้ดี
แม้จะไม่ร้อนแรง ดุเดือดเหมือนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็คงสนุกไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะ หาก “ยิ่งลักษณ์” โดนฝ่ายค้านจัดหนัก หลายๆดอกติดกัน หาก “เจ๊ปู”จะเล่นบท ไม่ตอบ ไม่พูด ท่องตามสคิป อ่านกระดาษชี้แจงข้ออภิปรายของฝ่ายค้าน-สว.ตามที่ทีมงานพิมพ์มาให้ทุกอย่าง ดูแล้ว คงไม่ไหว โดนประท้วงวุ่นวายแน่นอน
ถึงตอนนั้น ไม่รู้ “เจ๊ปู” จะวีนแตก ร้องกรี๊ด โทรศัพท์โอดครวญกับทักษิณว่า พี่จ๋าหนูไม่ไหวแล้ว หรือไม่
ขนาดยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แค่กำลังยกร่างนโยบายกันอยู่ที่พรรคเพื่อไทยทุกวัน ทุกวันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ออกมาจากห้องทำงานชั้น 8 ตึกพรรคเพื่อไทยเพื่อจะกลับบ้านที่จะกลับในช่วงประมาณหนึ่งทุ่มกว่าๆของทุกวัน
เจอหน้านักข่าวจี้ถามทุกวัน ทั้งเช้าทั้งเย็นถึงความคืบหน้านโยบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน บางวัน “ยิ่งลักษณ์” แทบวิ่งออกจากพรรค หนีนักข่าว ขึ้นรถไปเลย เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร เนื่องจากเริ่มเห็นปัญหาในการปฏิบัติแล้วว่า ที่หาเสียงไว้ว่าทำได้ทันทีทั่วประเทศ ถึงเวลาทำจริง อาจทำไม่ได้ ทำได้แค่บางจังหวัดนำร่องไปก่อนเช่นกรุงเทพมหานคร ภูเก็ตเท่านั้น
ยิ่งตอนนี้โดนกระแสต่อต้านหนักจากพวกกลุ่มเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ ที่บอกหากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำจริง ก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือนายจ้าง หาเงินมาอุดส่วนที่นายจ้างจะไปเพิ่มค่าจ้าง 300 บาท ถ้ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ช่วย ก็ต้องปลดคนงาน ครั้นหากเพื่อไทยไม่ทำ ที่ด่า “อภิสิทธิ์”ว่า “ดีแต่พูด” ตัวเองก็อาจโดนย้อนศรบ้างว่า ก็ดีแต่พูด หาเสียง หลอกชาวบ้าน พอทำจริงก็ทำไม่ได้ เลยกลายเป็นปัญหาหนักอก ยิ่งลักษณ์ ตอนนี้
แค่เรื่อง 300 บาทเรื่องเดียว ไม่ต้องดูนโยบายส่วนอื่นๆก็เห็นได้ชัดว่า ระเบิดเวลา หลายลูกกำลังรอ “ยิ่งลักษณ์” ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ไปถอดสลักอยู่
เป็นระเบิดเวลาการเมืองที่อาจทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มอดม้วยมรณาไปได้เลยทั้งสิ้น เพราะความคิดแค่ว่า หาเสียงไว้ เสร็จแล้วก็ลืมๆ กันไป
แต่รอบนี้ ดูเหมือนเพื่อไทย -ยิ่งลักษณ์ อยากลืม แต่ประชาชนกลับจำ