ทีมกฎหมายประชาธิปัตย์ ยันแจง กกต.กรณี “องอาจ” จัดถ่ายทอดหาเสียงไม่เป็นธรรมได้ ชี้ “มาร์ค” สั่งจัดมหกรรมลดค่าครองชีพฐานะนายกฯ ลั่นพร้อมแจงทุกกรณี จี้ กกต.ฟัน “นช.แม้ว” บงการเพื่อไทย ด้านผู้สมัคร ส.ส.พะเยา โวยเด็ก พท.ใช้เวทีกลาง กกต.สัญญาว่าจะแจกแท็บเล็ต นศ.พะเยา ทั้งที่ไม่ได้แจกจริง
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองการเป็น ส.ส.ของ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาใช้อำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ไม่ให้ถ่ายทอดกิจกรรมการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองอย่างเป็นธรรม ว่า กรณีนี้สามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการทำสัญญากับบริษัทเอกชนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งต่อมาได้มีการเลือกตั้ง นายองอาจ ก็ต้องดำเนินการต่อตามสัญญานั้น จึงเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ โดยไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ กกต.แขวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีผู้ร้องเรียน โดยระบุมีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐจัดงานมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน โดยนำสินค้าไปจำหน่ายในราคาที่ต่ำเกินความจริงในช่วงที่มีการเลือกตั้วงล่วงหน้าที่จ.สมุทรปราการ นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า กรณีนี้ นายอภิสิทธิ์ ดำเนินการไปในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนทราบเพียงแค่ข้อกล่าวหาของ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขา กกต.ผ่านสื่อ แต่ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการที่ กกต.ต้องแจ้งถึงผู้ถูกร้องที่ถูก กกต.สั่งแขวนโดยไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ต้องมีการแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษร กรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับ นายอภิสิทธิ์ ว่า จะไปชี้แจงด้วยตนเอง หรือจะมอบให้ทีมกฎหมายดำเนินการแทน ซึ่งทีมกฎหมายพรรคก็มีความพร้อมอยู่แล้ว ยืนยันว่า กรณีสามารถชี้แจงได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายอภิสิทธิ์
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรค ตนก็ต้องติดตามเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ที่ถูกร้องคัดค้าน ว่า มีพฤติกรรมทำให้สำคัญผิดในคะแนนนิยม เนื่องจากมีผู้ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง หรือคนบ้านเลขที่ 111 และ 109 คือ นางเยาวภา และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เข้าไปช่วยในการหาเสียง โดยมีทั้งขบวนแห่ และแจกเอกสารแนะนำตัวใน จ.เชียงใหม่ รวมถึงกรณีป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ระบุข้อความว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 97 ที่ระบุห้ามบุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้าไปช่วยเหลือพรรคการเมือง หรือผู้สมัครในการเลือกตั้ง
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ กกต.เองยังเคยมีมติในเรื่องการห้ามบุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาช่วยเหลือผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองออกมาสำทับ คือ มติที่ 54 ลงวันที่ 10 พ.ค. 54 ที่สั่งห้ามบุคคลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงหรือช่วยเหลือ แต่พฤติกรรมทั้งของพ.ต.ท.ทักษิณที่มีการขึ้นป้าย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ชัดเจนว่า นโยบายพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนคิด รวมถึงการเข้ามาคัดว่าจะให้ผู้สมัครคนไหนลงเขตไหน จังหวัดอะไร ทำตัวเสมือนเป็นกรรมการบริหารพรรคที่มีหน้าที่ในการคัดเลือกผู้สมัคร และวางนโยบายพรรค แม้กระทั่งล่าสุดเมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้ว ปรากฏข่าวกลุ่ม ส.ส.บินไปขอตำแหน่ง ล้วนเข้าข่ายความผิดมาตรานี้ทั้งนั้น จากพฤติกรรมดังกล่าวจึงเป็นการเปิดช่องให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามาก้าวก่ายหรือแทรกแซง ชี้นำ ซึ่งกรณีนี้คาดว่า มีหลายกลุ่ม หลายพรรคได้ร้องต่อ กกต.เพื่อให้ดำเนินการกับกรณีดังกล่าวอย่างรัดกุม และเคร่งครัด และหากพรรคประชาธิปัตย์มีพยานหลักฐานใหม่ก็จะนำไปร้องต่อ กกต.เพิ่มเติมต่อไป
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่น.ส.อรุณี ชำนาญยา ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรคเพื่อไทย ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 53(1) (2) และ (5) ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด ทั้งนี้ ตนมีหลักฐานทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวกรณีการปราศรัย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเป็นเวทีกลางของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดไว้ โดยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยบนเวที ว่า จะมีการแจกแท็บเล็ตให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา ถือเป็นการสัญญาว่าจะให้ชัดเจน ทั้งที่นโยบายพรรคเพื่อไทย โดยนายโอฬาร ไชยประวัติ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ประกาศว่า พรรคเพื่อไทยจะแจกแท็บเล็ตให้กับเด็ก ป.1 ประมาณ 8 แสนเครื่อง ดังนั้น จึงถือว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยทำผิดกฎหมายชัดเจน โดยเป็นการจูงใจให้นักศึกษาเลือก เพราะขณะนี้มีหลายคนแจ้งไปที่สำนักงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ จ.พะเยาว่ า เพิ่งรู้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการแจกแท็บเล็ตจริงแต่ตัวเองได้ลงคะแนนไปแล้ว
น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถือเป็นการทำผิดมาตรา 53 ที่ระบุว่า จะเสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพสินย์หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด ทั้งนี้ ตนได้ยื่นร้องเรียนไปที่ กกต.จ.พะเยาแล้ว และหลักฐานต่างๆ ที่ กกต.จ.พะเยา ก็มีหมด เพราะเป็นเวทีกลางที่ กกต.จังหวัดเป็นผู้จัดให้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ กกต.ได้พิจารณาอย่างเป็นธรรม เพราะอะไรที่เริ่มต้นด้วยความไม่ยุติธรรม ผลที่ออกมาก้ไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกัน