โฆษกเพื่อไทยแนะนักวิชาการอย่าตีตนไปก่อนไข้ ยันพรรคเร่งจัดนโยบายแถลงสภาเสร็จแล้ว 70% เตือนเด็กประชาธิปัตย์ยื่นยุบพรรคฐานหลอกลวงตั้งสติก่อน สับจอมลอกนโยบายใช้ เย้ย 99 วันไม่เห็นทำได้ แนะนายทุนเสียสละขึ้นค่าแรง 300 โวทำเงินสะพัด 3-4 หมื่นล้าน ยัน กกต.แขวน “ปู” ไร้มูลความจริง อ้างชาวบ้านเลือกแก๊งแดงต้องให้โอกาส
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ที่ใช้ในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย พร้อมดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยต้องบอกกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงผู้ประกอบการและนักวิชาการที่ออกมาติติงเรื่องนี้ก่อนเลยว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เป็นรัฐบาล จึงอยากให้ทุกท่านอย่าตีตนไปก่อนไข้ เพราะขณะนี้คณะทำงานนโยบายพรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการยกร่างนโยบายเพื่อบรรจุไว้ในนโยบายที่พรรคจะใช้แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยได้เสร็จสิ้นไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว การยื่นยุบพรรคเพื่อไทยของบรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ โดยอ้างว่าพรรคเพื่อไทยหลอกลวงนั้น ลักษณะเหมือนในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามโจมตีนโยบายพรรคไทยรักไทย อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน ที่สุดท้ายเมื่อพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลก็ลอกนโยบายรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเอาไปดำเนินการต่อ ดังนั้นทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ควรตั้งสติก่อนที่จะไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทย
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ได้หาเสียงเอาไว้ว่า 99 วันทำได้จริง แต่เฉพาะแค่แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถบรรเทาการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้ แต่หากจะพิจารณาว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย จะทำได้จริงหรือไม่นั้น ก็ขอให้ไปดูผลงานของรัฐบาลไทยรักไทย ที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้ว พรรคเพื่อไทยอยากขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มทุนและภาคธุรกิจอื่น เสียสละช่วยเหลือแรงงานที่เป็นฐานการผลิตใหญ่ของประเทศ เพราะขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งอินโดนีเชียและเวียดนามนั้นค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานสูงกว่าของไทยอยู่แล้ว และการที่พรรคเพื่อไทยคิดนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน ก็ได้ศึกษาแล้วว่าจะทำให้มีเงินสะพัดภายในประเทศ 3-4 หมื่นล้านบาทต่อปี จึงขอให้ทุกฝ่ายให้โอกาส น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยด้วย
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มเติมในวันที่ 19 กรกฎาคมว่า หาก กกต.จะมีการรับรอง ส.ส.เพิ่มเติมอีกจนครบ 95 เปอร์เซ็นต์ คือ 475 คนตามที่กฎหมายกำหนดก็จะทำให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ยังไม่ได้รับรองจาก กกต.นั้น คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยได้ประเมินแล้วว่าข้อกล่าวหาทุกข้อ โดยเฉพาะกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบมาช่วยหาเสียงนั้นไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริง อีกทั้ง กกต.เองก็เคยวินิจฉัยกรณีที่พรรคเพื่อไทยร้องของให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีมีอดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองช่วยเหลือในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่มีข้อกฎหมายครอบคลุมถึง ดังนั้นจึงเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ น่าจะได้รับการรับรองจาก กกต.เรียบร้อย
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า แต่ที่พรรคเพื่อไทยห่วงก็คือ กรณีที่มีข่าวออกมาว่า กกต.จะยังไม่พิจารณารายชื่อของ ว่าที่ ส.ส.แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพราะกลัวว่าจะถูกฟ้องร้องทีหลัง ขอเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาให้ดีๆ เพราะ กกต.เคยรับรองให้ นปช.เป็นผู้สมัคร ส.ส.วันที่ 2 มิถุนายน เมื่อบุคคลเหล่านั้นได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนแล้วก็ควรให้โอกาส
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยประเมินว่าหาก กกต.รับรองรายชื่อ ส.ส.ครบ 475 คนตามกฎหมาย ในการรับรองรอบที่ 2 วันที่ 19 กรกฎาคม ก็จะทำให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาได้ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าคนไทยได้เห็นโฉมหน้ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ภายในต้นเดือนสิงหาคม แต่หากต้องรอ กกต.รับรอง ส.ส.ให้ได้ตามจำนวนที่กฎหมาย ในการรับรองรอบที่ 3 หรือช่วงวันที่ 28 กรกฎาคม ก็จะทำให้คนไทยได้เห็นหน้าคร่าตารัฐบาลใหม่ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม