จับตา! ศาลโลกตัดสินข้อพิพาทพระวิหารไทย-เขมร “โฆษก พธม.” ชี้ไทยสุ่มเสี่ยงเสียดินแดน

จับตาศาลโลกตัดสินกรณีเขมรร้องขอให้ไทยถอนกำลังรอบพระวิหาร “กษิต” จะโฟนอินเข้ามารายงาน 17.00 น. ขณะที่ ผบ.ทบ.สั่ง มทภ.2 เตรียมความพร้อมในจุดที่เป็นข้อพิพาทแล้ว เพราะอาจเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาได้ ด้าน “ปานเทพ” ชี้ไทยเสียเปรียบ เสี่ยงเสียดินแดนอย่างมาก เหตุไทยไม่เคยต่อสู้เลย



วันนี้ (18 ก.ค.) ในเวลา 15.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย ศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะอ่านคำสั่งกรณีที่กัมพูชาร้องขอให้พิจารณาออกมาตรการชั่วคราวให้ไทยถอนกำลังติดอาวุธทั้งหมดทุกประเภทออกจากพื้นที่อธิปไตยของกัมพูชา บริเวณปราสาทพระวิหารในทันที ซึ่งทันทีที่ศาลโลกมีคำสั่งออกมา นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้เดินทางไปรอฟังคำสั่งที่ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้ว จะโฟนอินรายงานกลับเข้ามาในกระทรวงการต่างประเทศในเวลา 17.00 น. และไม่ว่าคำสั่งของศาลโลกจะออกมาในทิศทางใดยังต้องติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งติดกับพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ระหว่าง 2 ประเทศ ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เกิดการปะทะกันในจุดนี้มาหลายรอบ เช่นเดียวกับบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้แม่ทัพภาคที่ 2 เตรียมความพร้อมในการดูแลแนวชายแดนที่เป็นจุดพิพาทไปแล้ว

ด้าน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลกมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว ซึ่งหากรัฐบาลไม่ฟังอะไร ต่อไปนี้รัฐบาลก็ต้องรอรับผลที่จะเกิดขึ้น ทั้งทางทหารและรัฐบาล ด้านประชาชนจะทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะมีจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้ และขอบอกว่า รัฐบาลไทยไม่ได้หยิบยกหลายเรื่องในการต่อสู้ทางคดี อาทิ ข้อสงวนที่เคยยื่นไว้กับศาลโลก ครั้งตัดสินเขาพระวิหาร เมื่อ 50 ปีก่อนว่า ไทยไม่ยอมรับ หรือการที่ไม่สู้เรื่องอำนาจศาลโลก และไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกอยู่แล้ว และแผนที่ของกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยไม่ยอมรับอยู่แล้ว แต่ไทยไม่เคยต่อสู้ในประเด็นดังกล่าวเลย ทำให้ไทยเหมือนเสียเปรียบต่อการขึ้นศาลโลกครั้งนี้ และไทยสุ่มเสี่ยงกับการเสียดินแดนอย่างมากในการตัดสินของศาลโลกวันนี้แน่นอน