รักษาการหัวหน้าประชาธิปัตย์ ปัดให้ความเห็น “พิเชษฐ” หนุน “คุณหญิงกัลยา” นั่งเลขาฯ พรรค ย้ำพรรคเป็นประชาธิปไตย ใครคิดว่ามีความสามารถเสนอตัวแข่งขันได้ บอกงงเหตุถูกแขวน ทั้งยังไม่รู้ข้อกล่าวหาด้วยซ้ำ แต่มั่นใจไม่มีเหตุให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ย้ำระมัดระวังเป็นพิเศษ เหตุนักร้องเยอะ
วันนี้ (16 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวมีความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งผู้บริหารและกรรมการบริหารพรรค ว่า ตนไม่ขอออกความเห็นกรณีนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ และกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสนับสนุนคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช โดยเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สามารถแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ ส่วนการเลือกกรรมการบริหารพรรคนั้นเป็นธรรมดาที่จะมีความเห็นที่หลากหลาย เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตยในพรรค ซึ่งการเลือกตำแหน่งสำคัญจะมีการแข่งขันอย่างชัดเจน จำได้การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคครั้งที่ผ่านๆ มาก็มีการแข่งขันกัน จึงไม่ควรมองเป็นความขัดแย้ง หลายคนอาจมีมุมมองว่าอาจมีความเหมาะสม จึงอยากเสนอตัวบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดให้มีการเลือกกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 6 ส.ค. ซึ่งนายสุเทพได้นัดประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 19 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การกำหนดให้ประชุมเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 6 ส.ค.เพื่อให้มีผู้นำฝ่ายค้านให้ทันพอดีกับเปิดประชุมสภา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีประเด็นดังกล่าว สิ่งสำคัญคืออยากให้การรับรอง ส.ส.ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าได้ ส.ส.ครบถ้วนจะดีกว่า และไม่ว่าจะมีหรือไม่มี กก.บห.ชุดใหม่ ชุดเก่าก็ยังต้องรักษาการอยู่ ที่สำคัญในการประชุมสภาเราใช้ที่ประชุม ส.ส. เป็นตัวกำหนดทิศทาง ส่วนการอภิปรายนโยบายรัฐบาลน่าจะอยู่ช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนสิงหาคม ซึ่งโดยปกติขณะนั้นไม่มีผู้นำฝ่ายค้านอยู่แล้ว และรัฐบาลต้องแถลงนโยบายต่อสภาให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนั้น เชื่อว่ามี ส.ส.จำนวนมาก พร้อมจะอภิปรายอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณี กกต.ไม่เรียกไปชี้แจง แต่จะประกาศผลการเลือกตั้งทั้งของนายอภิสิทธิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ว่า ตนยังไม่ทราบข้อกล่าวเลยด้วยซ้ำ ไม่มีการแจ้งอะไรมาเลย คงต้องรอคำวินิจฉัย แต่ถ้าวินิจฉัยโดยไม่สอบถามผู้ถูกกล่าวหาเลย คงต้องดูว่าประเด็นคืออะไร วินิจฉัยอย่างไรเพราะต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ตนไม่แน่ใจ เพราะบางที กกต.พิจารณาอ้างว่าพิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย โดยไม่สอบถามอะไรเพิ่มเติมก็เคยมี แต่ กกต.ต้องมั่นใจแล้วว่าได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่า กกต.แขวนชื่อนายกฯ เพื่ออะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แขวนเพื่อพิจารณา คือตนฟัง ส่วนว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องไปตรวจสอบกัน ตนฟังว่า กกต.ได้รับรองในรอบแรกเฉพาะคนที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนที่ค้างอยู่ ดังนั้น 358 คนหมายความว่าไม่มีเรื่องที่ร้องเรียนจากการเลือกตั้งและค้างอยู่แล้ว ส่วนที่ไม่รับรองคือมีคนมาร้องเรียนและยังพิจารณาไม่เสร็จ เช่น กกต.จังหวัดส่งเรื่องขึ้นมา หรืออนุกรรมการยังทำไม่เสร็จ แต่มั่นใจว่าภายใน 30 วัน สภาต้องเปิดได้ตามรัฐธรรมนูญ ตนไม่กังวลเพราะมั่นใจที่ผ่านมาระมัดระวังตลอดเวลาเรื่องการไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เรื่องเจตนาไปโกงเอารัดเอาเปรียบ ใช้วิธีการไม่ถูกต้อง ยืนยันไม่ถูกต้อง ไม่มีอยู่แล้ว ระมัดระวังเป็นพิเศษ กล้ายืนยันแม้กระทั่งกรณีของ ครม. พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นยุคที่มีการกำชับมีการออกแนวทางมติอะไรต่างๆ ที่รัดกุมกว่าทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมา เพราะเราไม่ต้องการให้การเลือกตั้งมีปัญหา เราทราบอยู่แล้วว่ามีคนพยายามที่จะอ้างว่าการเลือกตั้งจะมีปัญหา เมื่อถามว่านางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ออกมาระบุว่าพรรคเพื่อไทยร้องแบบมั่วๆ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “มันมีนักร้องเยอะ”
ต่อข้อถามว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ จะนำเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ขึ้นมาร้องยุบพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเกี่ยวข้องด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ที่สุดพรรคเพื่อไทยต้องเร่งทำความชัดเจน ที่ห่วงคือถ้าไม่ชัดเจนคลุมเครือ นอกจากกระทบความเชื่อมั่นแล้ว การคาดการณ์เรื่องแบบนี้ จะมีผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐิกจ เช่น ถ้ามีการคาดการณ์ว่าต้นทุนจะสูงขึ้นก็อาจจะมีการอ้างขึ้นราคา ถ้ามีความไม่แน่นอนเรื่องค่าจ้าง อาจจะมีผลกระทบต่อการจ้างงาน ใช้เวลาช่วงนี้น่าจะทำให้ชัดเจนและพูดให้ตรงกันในนามของพรรคเพื่อไทย มันจะทำให้ทุกฝ่ายชัดเจนเศรษฐกิจจะได้เดินได้
เมื่อถามว่า ที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าเป็นเทคนิคการหาเสียงฟังขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนคงต้องพิจารณา แต่เวลานี้เลยช่วงของการเลือกตั้งมาแล้ว แต่เป็นช่วงที่อยากเห็นรัฐบาลใหม่เตรียมการบริหารบ้าเมือง ดังนั้น ไม่ควรทิ้งอะไรไว้เป็นปัญหาความคลุมเครือ และจะสามารถคุยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เรื่องค่าแรง 300 บาท คุยกับภาคธุรกิจให้เรียบร้อยไปเลยจะมีมาตรการรองรับช่วยเหลือได้อย่างไร สิ่งที่เราห่วงถ้ากระทบ ทำให้คนตกงานจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะการจ้างงานเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนตกงาน ถูกออกจากงาน ไม่มีการจ้างงานคนเหล่านี้ จะเดือดร้อนมากกว่าการที่ค่าแรงอาจจะต่ำลงมาเล็กน้อย แต่มีการจ้างงานทั่วถึง
