กกต.เร่งสอบสวนเรื่องร้องคัดค้าน จ่อประกาศรับรองว่าที่ ส.ส.ต่อสัปดาห์หน้า มั่นใจจะประกาศรับรองได้ร้อยละ 95 ก่อนสิ้นเดือนนี้ แจงเหตุ “ปูแดง” ถูกสั่งแขวน เพราะมีผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ช่วยหาเสียง รวมทั้งใช้ป้ายหาเสียง ที่ระบุว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ด้าน 12 โจกแดง ถูกร้องคัดค้าน เนื่องจากขาดความเป็นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.เพราะมีคำสั่งศาล
วันนี้ (13 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม กกต.ได้มีมติเสียงข้างมากประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 358 คน โดยแบ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 109 คน และ ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 249 คนนั้น ทางสำนักงาน กกต.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยเร่งรัดนำเสนอสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง เพื่อให้ กกต.ได้พิจารณาและวินิจฉัยประกาศรับรองผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งได้ทันในสัปดาห์หน้า
นายสุทธิพล กล่าวว่า ทั้งนี้ จากกรณีที่ทางเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ มีหนังสือคัดค้านคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยที่ประชุม กกต.ได้มีมติดำเนินการดังนี้ กรณีการคัดค้านเนื่องจากขาดความเป็นสมาชิกภาพของพรรคเพื่อไทยตามข้อบังคับของพรรคเพื่อไทยในข้อ 10(5) ให้สมาชิกภาพของพรรคสิ้นสุดลง เมื่อถูกคุมขังโดยคำสั่งของศาล ซึ่งส่งผลให้ความเป็นสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดทันทีจำนวน 12 ราย ได้แก่ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายเหวง โตจิราการ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูไท นายพายัพ ปั้นเกตุ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และ นายวิเชียร ขาวขำ ส่วนแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายการุณ โหสกุล ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 12 พรรคเพื่อไทย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 4 พรรคเพื่อไทย นายสถาพร มณีรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ลำพูน เขต 2 พรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือร้องคัดค้าน นายจตุพร เนื่องจากก่อนลงสมัคร ส.ส.ถูกศาลอาญาถอนประกันในคดีก่อการร้าย นอกจากนี้ ยังมีกรณี นายพิชิฏ ชื่นบาน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่พ้นโทษไม่เกิน 5 ปี ในคดีละเมิดอำนาจศาลด้วยการติดสินบนศาล อีกทั้ง นางสมหญิง บัวบุตร ผู้สมัคร ส.ส.อำนาจเจริญ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ที่ไปถ่ายรูปคู่กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีข้อความระบุให้ประชาชนเลือกตนเอง
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า รวมทั้งกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย และ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ที่ถูกร้องคัดค้านว่า ให้สำคัญผิดในคะแนนนิยม เนื่องจากมีผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองช่วยหาเสียงเดินตามแจกเอกสารในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกรณีป้ายหาเสียงที่ระบุว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” อีกด้วย ส่วนกรณีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นเรื่องการสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐจัดงานมหกรรมลดค่าครองชีพประชาชน โดยนำสินค้าไปจำหน่ายในราคาที่ต่ำเกินจริงในช่วงที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ จ.สมุทรปราการ กรณี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้หน้าที่กำกับดูแล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ไม่ให้ถ่ายทอดกิจกรรมการหาเสียงของทุกพรรคอย่างเป็นธรรม กรณีของ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกร้องคัดค้าน เนื่องจากหาเสียงโดยมีการสัญญาว่าจะให้ รวมทั้งกรณีของ นายชัย ชิดชอบ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 พรรคภูมิใจไทย ที่มีการจัดเลี้ยงเพื่อจูงใจ กรณีของ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม เขต 5 พรรคเพื่อไทย นายโกศล ปัทมะ ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 5 พรรคเพื่อไทย และว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย เขต 1 พรรคเพื่อไทย ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเป็นบุคคลล้มละลาย กรณีของ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.มุกดาหาร เขต 1 พรรคเพื่อไทยเคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร และถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญา ส่วนกรณีของพรรคประชาธิปไตยใหม่ ที่ นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคล้มละลาย อาจมีผลต่อการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกรณีเหล่านี้ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีอำนาจไต่ส่วนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนสอบสวน พ.ศ.2554 ตลอดจนศึกษาข้อบังคับกฎหมายและให้มีอำนาจเรียกพยานบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ กกต.มีมติ
ด้าน นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ในส่วนผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง 358 คนนั้น สามารถมารับหนังสือรับรองได้ในวันที่ 14 ก.ค.ตั้งแต่เวลา 08.30 น.ที่บริเวณชั้น 2 สำนักงานกกต. ศูนย์ราชการ อาคารบี ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภา ส่วนผู้สมัครที่ได้รับการเลือกตั้งที่ กกต.ยังไม่ได้รับรอง ทางสำนักงาน กกต.จะเสนอให้ กกต.พิจารณารับรองผลภายในสัปดาห์หน้าเป็นสำนวนไป หากสำนวนใดเห็นควรยกคำร้องก็จะเสนอให้ กกต.ประกาศรับรองผล ทั้งนี้ การประกาศรับรอง ส.ส.รอบสุดท้ายจะไม่เกินวันที่ 28 ก.ค.ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเสนอ กกต.คาดว่า จะประกาศรับรองได้ร้อยละ 95 ถ้ามีสำนวนใดที่จะต้องมีการสั่งให้เลือกตั้งใหม่ก็จะกำหนดให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ที่ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจของ กกต.
จำนวน 358 คน ที่บริเวณชั้น 2 ของอาคารบี เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้มีการจัดตั้งโต๊ะแบ่งเป็นภาคไว้ร้องรับ โดยภาคเหนือ มีจำนวน 43 ภาคกลาง จำนวน 79 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 85 ภาคใต้ จำนวน 42 คน สำหรับในส่วนของบัญชีรายชื่อก็จะตั้งไว้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นความรวดเร็ว ทั้งนี้ กกต.จะเปิดให้รับใบประกาศรับรองผลการเป็นส.ส.ภายในวันราชการ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป หยุดวันนักขัตฤกษ์
อย่างไรก็ตาม ในการรับใบประกาศรับรองผลการเป็น ส.ส.นั้น ก็ได้ส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้จัดโครงการช่อสะอาด และได้มีการสำรวจประชาชนมาแล้วว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากได้นักการเมืองนักการเมืองแบบใด จึงได้นำหนังสือการตั้งปณิธานการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย โดยให้นัการเมืองที่มารับหนังสือรับรองแล้วช่วยแสดงปณิธานด้วยตามความต้องการของประชาชน ว่า สามารถทำได้ในข้อใดบ้างโดยให้มีการเรียงลำดับเองใน 8 ข้อที่ประชาชนแสดงความเห็นมาแล้ว ตามความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริตด้านการเมืองการปกครอง โดยสำนักป้องกันการทุจริตภาคการเมือง ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมค้นหาคุณสมบัติผู้แทนที่ดี ซึ่งเป็นการนำเนื้อหาที่กำหนดไว้ในข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2553 ซึ่งว่าที่ ส.ส.ที่จะมาขอใบรับรองการนั้นจะต้องมีการลงปณิธานของสมาชิกผู้แทนราษฎร ผู้แทนของปวงชนชาวไทย โดยให้เลือกและเรียงลำดับความความสำคัญจากมากไปหาน้อยดังนี้
1.ปฎิบัติหน้าที่และแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เที่ยงธรรมและมีความอิสระ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
2.ยึดถือและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด
3.รับฟังเรื่องร้องทุกข์ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะประชาชน ทั้งต้องปฎิบัติต่อประชาชนด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
4.แสดงความรับผิดชอบเมื่อปฎิบัติหน้าที่บกพร่องและผิดพลาดตามควรแก่กรณี
5.เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของผุ้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพที่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท เสียดสี ใส่ร้ายบุคคลอื่นโดยไม่มีพยานหลักฐาน หรือนำเรื่องเท็จ มาอภิปรายในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
6.ไม่วางตนอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเงิน ผลประโยชน์หรือข้อต่อรองใดๆ เพื่อบุคคลหรือองค์กรอื่นใด ซึ่งอาจมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.
7.อุทิศเวลาให้แก่การประชุมสภาผุ้แทนราษฎร โดยคำนึงถึงการตรงต่อเวลาและต้องไม่ขาดการประชุมโดยไม่จำเป็น
8.การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วย ถูกต้องโดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิด หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่นใด
ซึ่งจะมอบใบที่ได้แสดงปณิธานแล้วใส่กรอบให้กับ ส.ส.พร้อมกับจะมอบเข็มช่อสะอาดให้แก่ ส.ส.ทุกคนที่จะมาเข้ารับขอใบรับรองที่สำนักงาน กกต.ซึ่งว่า ที่ ส.ส.ที่จะเดินทางมารับใบรับรองนั้นสามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.ในเวลาราชการ และจะนำใบที่ ส.ส.ได้ลงชื่อไปติดประกาศไว้ให้ทุกคนได้รับทราบว่าใครได้ลงชื่อเป็นนักการเมืองที่ต้องการของปวงชนชาวไทยและทำในข้อใดได้บ้าง