“มาร์ค” ลงนามสนองใน พ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาล่วงหน้า หลัง ครม.เห็นชอบ รอ กกต.ส่งชื่อ 475 ส.ส.ให้ไม่เกิน 31 ก.ค. ก่อนประชุม 4 ฝ่ายเตรียมส่งขึ้นทูลเกล้าฯ
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการออกร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 127, 128, 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องส่งรายชื่อ ส.ส.อย่างน้อย 475 คน มาให้ตนก่อนวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งตนเชื่อว่า กกต.จะส่งมาได้ทันกำหนด เพราะเขาได้แสดงความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เนื่องจากจะครบกำหนดที่จะต้องเปิดประชุมสภาฯภายใน 30 วัน ซึ่งคือวันที่ 1 ส.ค.นี้ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ตนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยเปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่วนจะเปิดประชุมสภาฯ ได้วันใดนั้นขึ้นอยู่กับพระบรมราชวินิจฉัย
เลขาธิการ ครม.ยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ว่า ตนเป็นข้าราชการประจำมืออาชีพที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่และกฎหมายมานาน 30 ปีแล้ว ไม่กังวลอะไร เพราะเป็นเลขาธิการของหน่วยงานต่างๆ และอยู่ในที่ประชุม ครม.มา 7 ปีแล้ว ซึ่งถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ที่ตนทำงานด้วย
ทั้งนี้ นายอำพนให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบในพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาฯ โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามสนองในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนวันที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯ นั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ไปประสานกับเลขาธิการ กกต. สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคลทูลฯ ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างน้อย 475 คน
ส่วนที่มีข่าวว่า กกต.อาจต้องรับรอง ส.ส.3 รอบ ซึ่งอาจไม่ทันกรอบเวลาเปิดประชุมสภาฯในวันที่ 1 ส.ค.นี้ นายอำพนกล่าวว่า กกต.ทราบดีว่าวันที่ 1 ส.ค.เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ดังนั้น กกต.รู้กรอบเวลาดี เชื่อว่าคงวางระยะเวลาที่สมควรได้
ทั้งนี้ ตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 มาตรา 4 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดำเนินดารรเลือกตั้งในวันดัวกล่าวเสร็จแล้วนั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า 1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 8 กำหนดให้ในการดำเนินการเลือกตั้งมีกรณีอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือกตั้งว่าผู้ใดได้รับการเลือกตั้งภายใน 7วัน ทำการนับแต่วันเลือกตั้ง (ภายในวันอังคารที่ 12 กรกฎาคม2554) แต่ถ้าเห็นว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่ามีกรณีไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในเขตเลือกตั้งใด จะยังไม่ประกาศผลสำหรับเขตเลือกตั้งนั้นปได้ แต่ต้องสอบสวนและวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง (ภายในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554)
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และทีแก้ไขเพิ่มเติมทั่วไปครั้งใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึง 500 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด (จำนวน 475 คน) ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 127 กำหนดให้มีการร้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ภายในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554) และมาตรา 128 กำหนดให้เรียกการประชุมรัฐสภาให้ทำโดยพระราชกฤษฎีกา