เส้นทาง “เผาไทย” ขึ้นสู่อำนาจ หลังโพลทุกสำนักชี้ชนะถล่ม
หลังเวลาปิดหีบ 15.00 น.ของวันที่ 3 ก.ค.54 นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีเวลาอีก 30 วัน ในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่มีระบุไว้ในมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งบัญญัติไว้ว่า กำหนดให้เปิดประชุมสภาครั้งแรกภายใน 30 วัน
(โดยให้สำนักงานเลขาธิการรัฐสภาจะเป็นผู้ทำเรื่องกราบบังคมทูลฯเพื่อขอเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องรอให้ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.จนครบจำนวนตามที่มาตรา 93 ระบุไว้ หรือไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดที่มี หรือ 475 จาก 500 ที่นั่ง)
โดยในการประชุมนัดแรกนี้ ก็จะมีการเลือกผู้มาดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิ์เสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ การเสนอนั้นต้องมีจำนวนสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 20 คน ถ้ามีการเสนอชื่อผู้ใดเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้ถูกเสนอชื่อนั้นเป็นผู้ได้รับเลือก ถ้ามีการเสนอชื่อหลายชื่อให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ
เมื่อเลือกประธานและรองประธานได้แล้ว ให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อนำความกราบบังคมทูลฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนอง (ในที่นี้หมายถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี)
ต่อจากนั้น นับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกไปอีก 30 วัน สภาผู้แทนฯจะต้องพิจารณาผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จ ตามที่มาตรา 172 กำหนดไว้ โดยการเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ ต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดที่ กกต.รับรองให้การรับรอง และผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ ต้องได้คะแนนเสียงมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ของจำนวน ส.ส.ที่มี
ในกรณีที่ยังไม่สามารถเลือกได้ตามที่มาตรา 172 กำหนดไว้ ต้องใช้มาตรา 173 บังคับใช้แทน โดยระบุไว้ว่า หากเกิน 30 วันแล้วนับตั้งแต่ประชุมสภาครั้งแรกยังไม่มีใครได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ให้ประธานสภาผู้แทนฯ นำชื่อคนที่ได้คะแนนสูงสุด ขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 15 วัน หลังพ้นกำหนด
หมายเหตุ อนึ่ง มาตรา 93 วรรคท้าย ระบุว่า ในกรณีที่มีเหตุการณ์ใดๆ ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใดมีจำนวน ส.ส.ไม่ถึง 500 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้แทนราษฎร และต้องดำเนินการให้มี ส.ส.ครบตามจำนวนที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญภายใน 180 วัน