ปชป. ร้อง กกต.ยุบเพื่อไทย พร้อมตัดสิทธิทางการเมือง "นช.แม้ว-อ๋อย" เพิ่มอีก 5 ปี ฐานให้ผู้ถูกตัดสิทธิเข้าไปจุ้นการเมือง ขณะที่ "บุญยอด" ร้อง กกต.งดรับรอง "ณัฐวุฒิ" เหตุขาดสมาชิกภาพเหมือน "จตุพร" ด้าน ผู้สมัคร ปชป.นครสวรรค์ ยื่นสอบคุณสมมัติคู่แข่งเบอร์ 1 เหตุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่ถึง 5 ปี
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่างๆ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะ กกต.มีหน้าที่โดยตรงในการจัดการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตเที่ยงธรรม โดยวันนี้ (8 ก.ค.) จะไปยื่นกรณีที่บ้านเลขที่ 111 เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่าเจตนารมย์ของการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคือ การสกัดคนชั่วร้ายไม่ให้มายุ่งการเมือง
นอกจากนี้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 97 ระบุไว้ชัดว่า ห้ามผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองสั่งพรรคการเมือง และเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายจาตุรน ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และบ้านเลขที่ 111 คนอื่นๆ กระทำตัวยิ่งกว่ากรรมการบริหารพรรค เช่น เป็นคนกำหนดตัวผู้สมัครเขต และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ รวมทั้งร่วมกำหนดนโยบายพรรคเพื่อไทยคือ "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ซึ่งกรณีนี้บ้านเลขที่ 111 อาจฝ่าฝืนมาตรา 97 ดังนั้น จึงอยากให้ กกต.ดำเนินการตามอำนาจ เพราะหากผิดจริงจะมีโทษยุบถึงพรรคเพื่อไทย ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ตัดสิทธิเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายจาตุรน เพิ่มอีกคนละ 5 ปี
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ยังมีกรณีที่ภาคประชาชนยื่นร้องเรียนต่อ กกต. โดยเลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติได้ไปยื่นหนังสือถึง กกต.ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ขอให้กกต. พิจารณาคุณสมบัติของนายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายพายัพ ปั้นเกตุ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิเชียร ขาวขำ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนผู้สมัครส.ส.เขต ได้แก่ นายการุณ โหสกุล นายวรชัย เหมะ นายสถาพร มณีรัตน์ โดยระบุว่าขาดการเป็นสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทย ขอให้ กกต.ไม่ประกาศรับรองสมาชิกภาพ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเพราะให้นายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วนั้น ได้ร่วมกันขึ้นรถแห่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้น ตนจึงอยากให้ กกต.หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะรวมกรณีของบ้านเลขที่ 109 กับพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคชาติไทยพัฒนาเกี่ยวข้องกับพรรคเหล่านี้ด้วยหรือไม่ นายวิรัตน์ กล่าวว่า เรายื่นเรื่องร้องเรียนกรณีบ้านเลขที่ 111 ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นพรรคการเมืองไหน แต่หากบ้านเลขที่ 111 หรือบ้านเลขที่ 109 เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองไหน กกต.ก็ต้องดำเนินการ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เป็น 2 มาตรฐานอย่างแน่นอน
ด้านนายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะไปยื่นเรื่องต่อ กกต.กรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขาดการเป็นสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้าข่ายกรณีเดียวกันกับนายจตุพร พรหมพันธ์ ที่ตนได้ยื่นร้องเรียนต่อ กกต.ไปแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังได้มีการให้สัมภาษณ์ และพูดบนเวทีปราศรัยระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง โดยใส่ร้าย ให้เกลียดชัง เช่น หมายเลข 10 เป็นหมายเลขของความตาย มีการใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ร้ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคจะไปยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ กกต. เพื่อไม่ให้รับรองนายณัฐวุฒิต่อไป
อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังว่ากกต.จะตรวจสอบคุณสมบัติตั้งแต่ต้น แต่ กกต.กลับไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ดังนั้น กกต.ควรจะไต่สวนข้อเท้จจริง ดำเนินการอย่างกล้าหาญในการตัดสินพิจารณาให้เด็ดขาด และหวังว่าเมื่อได้รับการร้องเรียนภายในกรอบ 7 วันแล้ว ควรจะพิจารณางดการประกาศรับรองนายจตุพรด้วย
ด้านนายสมควร โอบอ้อม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะไปยื่นร้องเรียนต่อ กกต. กรณีที่นายดิสทัต คำประกอบ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขาดคุณสมบัติ คือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจ.นครสวรรค์ ไม่ถึง 5 ปี แต่กลับให้เจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอรับรองว่าอยู่ครบ 5 ปี
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่านายดิสทัต ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2501 อาศัยอยู่ที่ กทม. และได้ย้ายกลับไปอยู่ที่ จ.นครสวรรค์เพียงแค่ 3 ปี แต่นายดิสทัตมีน้องชายที่มีชื่อเดียวกัน นามสกุลเดียวกันคือ นายดิสทัต คำประกอบ ต่างกันเพียงวันเดือนปีเกิดคือ เกิดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2510 อยู่ที่จ.นครสวรรค์มาเกิน 5 ปี และเดิมก็ใช้ชื่อว่านายดิสทัย แต่กลับมาเปลี่ยนเป็นชื่อดิสทัตให้เหมือนกับพี่ชาย ซึ่งเป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น กรณีนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไท ยที่เป็นนายดิสทัตคนพี่ จะไปสวมสิทธิ์น้องชายของตัวเองที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 5 ปีหรือไม่ ซึ่งหากพบว่านายดิสทัตมีความผิดจริง ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง และกกต. ต้องงดเว้นการประกาศและดำเนินคดีในข้อหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานด้วย