เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 แม้ว่าหลายคนยังอาจทำใจไม่ได้กับการชนะถล่มทลายของพรรคเพื่อไทย และของ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งล่าสุดผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการพบว่า ชนะ ปชป. เกินกว่าเท่าตัว นั่นคือ 265 ต่อ 159 แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทุกอย่างต้องยืนอยู่บนความจริงก็ต้องสลัดทิ้งไปแล้วมองไปข้างหน้า
00 ถ้ามองใน “มุมบวก” บ้างก็ต้องบอกว่าผลการเลือกตั้งที่ออกมาแบบนี้นี่แหละที่จะ “ถอนพิษ” ทักษิณ ออกไปได้อย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาสามารถ “อำพราง” และสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้ดูดีขึ้นเรื่อยๆ จากความล้มเหลว “ห่วยแตก” ของ อภิสิทธิ์-สุเทพ-เนวิน กว่า 2 ปี 6 เดือนที่อยู่ภายใต้รัฐบาล ปชป.จนสร้างความเบื่อหน่ายให้กับชาวบ้านทุกกลุ่ม จนกระทั่งคนไทยต้องตัดสินใจไปเลือกพรรคเพื่อไทยกันอย่างถล่มทลาย แม้ว่าคนของพรรคนี้มีส่วนร่วมในการเผาบ้านเผาเมืองจนย่อยยับ
00 แต่เชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ต้องเลือกเพราะได้รับความเดือดร้อนแสนเข็ญกับปัญหา “ปากท้อง” ข้าวยากหมากแพง จนต้องโหยหา ทักษิณ ทั้งที่นี่คือ “ภาพลวงตา” ที่สร้างภาพขึ้นมาไม่ต่างจาก “เทวดา” จนเชื่อว่าบันดาลทุกอย่างให้ได้ ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่วนสำคัญก็เป็นผลมาจาก รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นคนส่งเสริมทั้งทางตรงทางอ้อมนั่นแหละ
00 ดังนั้นเมื่อมาถึงคำตอบที่ว่าเมื่อเลือกพรรคเพื่อไทยออกมาแบบถล่มทลายแบบนี้ เป็นการถอนพิษทักษิณนั้นก็เพราะว่า นับจากนี้ไปก็ต้องเป็นการเผชิญกับ “ความจริง” ทั้งในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ว่าเขาจะทำเพื่อพี่น้องส่วนใหญ่หรือไม่ ไม่เห็นแก่ส่วนตัวหรือพวกพ้อง ทำลายระบบนิติรัฐ จะมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ ที่สำคัญเขาสามารถทำได้อย่างที่ “โม้”เอาไว้หรือไม่
00 โดยเฉพาะปัญหาข้าวของแพง ที่สำคัญเป็นการพิสูจน์ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น “เจ๋ง”จริงหรือไม่ เอาแค่เห็นหน้าตาครม.และการทำงานในช่วง 2-3 เดือน ก็คงเห็นสัญญาณแล้ว ต้องไม่ลืมว่าคราวนี้ความ “คาดหวัง” มีสูงมาก เมื่อมีมากก็มีแรงกดดันมากเหมือนกัน ถ้าดีก็โอเค แต่ถ้าออกมาตรงข้ามก็น่าจะรู้ว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร ถึงได้บอกว่าหาก “ถอนพิษทักษิณ” จะก้าวข้ามทักษิณ ก็ต้องแบบนี้แหละไม่เช่นนั้นมันก็ไม่มีวันจบ !!
00 ทีนี้ก็มาถึงปริศนาว่าทำไมพรรคเพื่อไทย หรือในที่นี้ก็คือ ทักษิณ ต้องฟอร์มรัฐบาลที่มี 300 เสียง(ล่าสุดเสียงรวมกัน 299 เสียง) ทั้งที่ตัวเองก็ชนะมีเสียงเกินครึ่งอยู่แล้ว หากจะมีรัฐบาลผสมก็น่าจะดึงมาสำรองเอาไว้เพียงสักพรรคเดียวก็พอ ทำไมต้องกวาดต้อนเข้ามาอีกสามสี่พรรคเพื่อให้ได้เป้าหมายตามนั้น สาเหตุก็เพราะต้องการหลักประกันเสียงสนับสนุนในวันหน้า หากต้อง “ทำการใหญ่” นั่นก็คือ การ “แก้ไขรธน.”รวมไปถึงการเสนอ “นิรโทษกรรม” เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ต้องไปพึ่งพาเสียงของ ส.ว.ที่ตัวเองควบคุมยังไม่ได้เต็มร้อยในภายหน้านั่นเอง
00 แนวโน้มกลายเป็นว่านับจากนี้ไปเราจะมี นายกฯคู่กันสองคน คนแรกคือ “ตัวจริง” บงการอยู่ที่ “ทำเนียบฯดูไบ” และต่อไปอาจจะมีการเข้าเยี่ยมคารวะก่อนการปฏิบัติหน้าที่ หรือว่าปฏิญาณตนก่อนรับตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายต้องได้รับอนุมัติจากที่นั่น ส่วนทำเนียบเมืองไทยก็มี “นายกฯโคลนนิ่ง” ก่อนตัดสินใจก็ต้องเปิดวีดิโอคอนเฟอร์เรนต์รับฟังนโยบายในห้องประชุมครม.หรือเปล่า ไม่อยากนึกจริงๆ เพราะเวลานี้มีการแถลง มีการกำหนดแนวทาง เจรจาฟอร์มรัฐบาลกันที่นั่น ก็ดีว่ากันให้เต็มที่ ไม่ต้องยั้ง
00 เมื่อพูดถึงผลการเลือกตั้งก็ต้องพูดถึงเสียง “โหวตโน” ที่รวมกันแล้วกว่า “ 8 แสน” ถือว่าไม่ธรรมดา แม้ดูเผินอาจจะน้อย แต่ถือว่านี่คือเสียงของคนตื่นตัวไม่ยอมจำนน แต่ตั้งใจไปใช้สิทธิ์ถือว่า “ทรงพลัง” และสามารถต่อรองไม่ให้นักการเมืองทำตามใจชอบได้ในอนาคต แต่ที่น่ากังขาก็คือเที่ยวนี้จำนวนบัตรเสียนั้นพุ่งสูงเกือบ 2 ล้านคะนน ทำให้น่าแปลกใจว่าเป็นเพราะการจงใจส่งสัญญาณผิดของกกต.กลางทำให้การนับคะแนนมั่วโดยนำบัตรที่กาโหวตโนไปรวมกับบัตรเสีย หรือประเด็นอื่นต้องการตัดไฟขัดขวางเรื่อง 26 เขต เพราะเดี๋ยวจะยุ่งหรือเปล่า
00 ในที่สุดก็เป็นไปตามความคาดหมายสำหรับการลาออกจากหัวหน้าพรรคปชป.ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่พาพรรคพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ และทางที่ดีในอนาคตหากสมาชิกพรรคเลือกกลับมาใหม่ขออย่าไปจับคู่กับ “เทพเทือก” เป็นอันขาด เพราะนี่คือตัวการทำให้ “เสื่อม” อย่างแท้จริง ส่วนจะเป็นใครนอกเหนือจากนี้ก็แล้วแต่ จะเป็น กรณ์ จาติกวณิช ก็ไม่เลว ที่สำคัญต้องมีการจัดทัพใหม่ ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ถ้าทำได้คราวหน้าก็ยังมีโอกาส !!