xs
xsm
sm
md
lg

คนไทย-คนกรุงต้องการแบบนี้ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
 
00 หลังจากปิดหีบเลือกตั้งไม่กี่วินาที ก็มีการประกาศผลสำรวจหน้าหน่วยเลือกตั้ง (เอ็กซิตโพล) รายงานผลคะแนนออกมาว่า พรรคเพื่อไทยชนะปชป. “ถล่มทลาย” แม้ยังไม่อาจระบุเป็นตัวเลขแน่ชัด แต่เห็นภาพว่า “ทิ้งกันขาด” จนทำให้พรรคเพื่อไทย สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สบาย ถ้าเป็นแบบนี้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ต้องเป็นนายกฯหญิงคนแรก ใครก็คงไปขัดขวางความต้องการของประชาชนไม่ได้

00 ผลคะแนนที่ออกมาเบื้องต้น ว่าพรรคเพื่อไทยของ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาถล่มทลายแบบนี้ ทั่วทั้งประเทศ ไม่เว้นแม้แต่กรุงเทพฯ ทั้งที่เพิ่งผ่านมาเหตุการณ์เผาบ้าเผาเมืองมาหมาดๆ ก็ยังกลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทย ก็ยังได้รับความนิยมมากกว่าปชป. หรือแม้แต่คะแนน “โหวตโน” หรือไม่เลือกใคร ไม่ว่าจะเป็น “คนเผา” หรือ “คนปล่อยให้เผา” ก็ยังสู้ไม่ได้ อย่างนี้ก็แสดงให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯ ไม่รู้สึกรู้สากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ หรือว่า คนกรุงเห็นดีเห็นงามกับการเผาของคนเสื้อแดงอย่างนั้นหรือ

00 อย่างไรก็ดี หากมองอีกด้านหนึ่งนี่คือการสั่งสอน ปชป.ที่นำโดย อภิสิทธิ์-สุเทพ ที่กว่า 2 ปี 6 เดือนทำงานห่วยแตก จนทำให้คนไทยถึงกับยอมกล้ำกลืนเรื่องอื่นๆ เพราะที่ผ่านมาเดือดร้อนกับปัญหาข้าวยากหมากแพง ต้องเข้าแถวซื้อน้ำมันปาล์มขวดเป็นครั้งแรก มีการทุจริตคอร์รัปชันสารพัด ขายชาติ ปกป้องคนชั่วฯลฯ ทำให้ชาวบ้านกัดฟันเทใจให้พวกเผาเมือง โดยหวังว่า จะเข้ามาช่วยทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดี ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง อย่างนั้นหรือเปล่า

00 อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มนับคะแนนจริงไปได้ครึ่งทาง ปรากฏว่า ประชาธิปัตย์ และอดีตพรรคร่วม เริ่มตีต้นขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงที่สุดแล้วหากเพื่อไทยยังคงชนะและเกิน 250 เสียง แบบนี้ก็ต้องยอมรับ ไม่เว้นแม้แต่ คนปชป. อย่าไปโทษคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพราะ “โหวตโน” เพราะในเมื่อชาวบ้านเขา “เอือมระอา” ทำไมเขาจะต้องยอมจำนน ยอมตกเป็นตัวประกันของ มาร์ค-สุเทพ ต่อไปทำไม แต่สิ่งที่ผู้บริหารปชป. ต้องทำก็คือ หากผลออกมาอย่างที่เห็นจริงๆ ทั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณ จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกสถานเดียว เพราะถือว่าได้ทำให้พรรคตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
 00 สังกตดูบรรยากาศการลงคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ถือว่าคึกคักมาที่สุดในรอบหลายปี สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนความ “ตื่นตัว” ที่น้อยครั้งจะได้เห็น ซึ่งเป็นเรื่องน่าปลื้มใจ เพราะในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ การออกมาแสดงพลังอย่างพร้อมเพรียง มันก็ทำให้การเมืองไทยน่าจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในไม่ช้า

00 อย่างไรก็ดีในความน่าชื่นใจดังกล่าวก็ต้อง ก็ต้องติติงกันบ้างโดยเฉพาะในเรื่องที่มีการรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิ์จำนวนมากๆ ประเภททำทุกทาง บางแห่งถึงกับให้รางวัล หากมีคนออกไปใช้สิทธิ์มาเป็นสถิติสูงสุด แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี ในการปลุกกระแสให้พี่น้องมีความตื่นตัว แต่จะดีมากไปกว่านี้หรือไม่ ถ้าเรารณรงค์ให้คนมาใช้สิทธิ์อย่าง “มีคุณภาพ” ซึ่งก็ต้องให้ข้อมูล ให้ความรู้ ให้รู้จักคิดอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเชื่อว่าถ้าเรามีคนใช้สิทธิ์ ที่มีคุณภาพแบบนี้ น่าจะดีกว่ามากันแบบมืดฟ้ามัวดินเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มาเลือกเพราะเกรงใจ ถูกจ้างวาน ถูกบังคับ มันก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนกับที่ท่าน “พุทธทาส” เคยกล่าวเตือนสติเอาไว้ว่า “ประชาธิปไตยไม่ใช่เสียงข้างมากเสมอไป เพราะเสียงข้างมากที่บ้าๆ บอๆ ก็ได้ แต่ประชาธิปไตยต้องทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่”

00 นาทีนี้เชื่อว่าคนที่นั่งกุมขมับ หรือนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ในคุกก็คงจะเป็น “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ไม่อาจออกมาใช้สิทธิ์เลือกตัวเองได้ เพราะศาลไม่อนุญาต นั่นก็หมายความว่า ตัวเองหมดสิทธิ์จะได้เป็น ส.ส.ค่อนข้างแน่ กลับตาลปัตรกับพรรคพวกที่เป็นพวก“หัวโจก” เสื้อแดงคนอื่นๆ ที่นอกจากจะได้เป็น ส.ส. มีสิทธิ์ลุ้นเป็นรัฐมนตรีกันถ้วนหน้า ที่สำคัญ อดได้ใช้ “เอกสิทธิ์” ยื้อการถูกดำเนินคดีที่จะตามมาเป็นพรวน นอกเหนือจากคดีหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทำให้ต้องติดแหง็กอยู่ในคุก และคาดว่าจะต้องอยู่อีกยาว และเดียวดาย

00 จะไม่ให้เจ็บปวดได้อย่างไร หากมองย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ขณะที่พรรคพวกกำลังอยู่ในคุก ตัวเองกลับใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง และสร้างราคาไม่ต้องไปในนอนคุก จนคนอื่นต้องหมั่นไส้ แต่มาวันนี้ พอใน “ช่วงสำคัญ” คนอื่นกลับเข้าฮอส ชิงไปกินหน้าตาเฉย บางครั้งอาจจะเรียกได้ว่านี่คือ “กรรมตามสนอง” ก็เป็นได้ เพราะถ้ามองย้อนกลับไป ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดไม่ดีกับสถาบันฯ หรือต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เท่าที่จำได้ก็คือ วีระ (กานต์) มุสิกพงศ์ ที่หลังจากถูกจำคุกในคดีดังกล่าว หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จทางการเมือง ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ชีวิตเริ่มตกต่ำมาตลอด ทั้งที่ในสมัยนั้นถือว่าเขาเป็น “ดาวรุ่ง” พุ่งแรงเคยเป็นเลขาฯปชป.ที่อายุน้อยที่สุด เป็นรัฐมนตรีที่หลายคนคาดหมายว่ามีอนาคตไกล แต่จากนั้นมาทุกอย่างก็ดับวูบ แม้แต่สุขภาพก็เจ็บออดๆ แอดๆ นี่แหละถึงได้บอกว่า อย่าท้าทายเป็นอันขาด !!
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จตุพร พรหมพันธุ์
กำลังโหลดความคิดเห็น