โค้งสุดท้าย “มาร์ค” เห็นใจคนจน อัดนโยบายเพื่อไทยหลอกลวง โชว์เหนือวิชันประกันมั่นคงชาวรากหญ้า ชี้หากพรรคเผาเมืองไม่คิดหยุดความขัดแย้งวิสัยทัศน์อะไรก็เดินยาก ดักคอ “ปูแดง” โชว์สัยทัศน์ 2020 ควรพูดถึงชีวิตจริงอย่าขายฝัน - “ยี้ห้อย” หนาว “มาร์ค” มั่นใจมีอำนาจต่อรองกว่าปี 51 ลั่นงดแบ่งเค้กกระทรวงหลัก เหน็บกลับปลาไหลไม่ชอบทำงานกับคนไม่รักษาคำพูดเหมือนกัน
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเจาะข่าวเด่น ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยเริ่มต้นด้วยรายการด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการปราศรัยที่ราชประสงค์ที่ครบ 1 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นการไปให้ความจริงกับประชาชน ให้เกิดความชัดเจนว่าทางเลือกของประเทศเป็นอย่างไร พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องไพ่สุดท้าย แต่เรากำลังให้ประชาชนไปตัดสินในวันที่ 3 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากต่ออนาคตของพี่น้องประชาชนเอง คิดว่าพี่น้องมีสิทธิ์ที่จะทราบว่าทางเลือกจริงๆ เป็นอย่างไร
“ผมไม่ได้ประเมินตัวเองในหนึ่งสัปดาห์ แต่เดินสายต่อไปคุยกับพี่น้องชาวอีสาน นโยบายสำคัญที่มีความสำคัญกับพี่น้องชาวอีสาน คือ เรื่องประกันรายได้กับเงินส่วนต่าง เพราะเราจะเดินหน้าต่อและเพิ่ม กำไรให้ 25% ขณะที่พรรคเพื่อไทยประกาศแล้วว่าจะยกเลิก ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญมากสำหรับเกษตรกรทั่วประเทศ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมือถามว่า พรรคเเพื่อไทยระบุว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่เคยพูดถึงเรื่องนโยบายตัวเองเลยมีแต่โจมตีเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไปฟังที่ไหน เพราะตนเพิ่งกลับจากอีสาน มีเรื่องประกันรายได้เป็นไฮไลต์ เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเริ่มกลัว ถ้าถูกยกเลิกไปจริง สิ่งที่พวกเขาเพิ่งเริ่มจะลืมตาอ้าปากได้สองปีก็จะหลุดหายไป
บางเรื่องก็จำเป็นที่ต้องพูดการที่พรรคเพื่อไทยออกมาปฏิเสธเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็จะสับสนไปหมด ก็ต้องบอกไปว่าของจริงคืออะไร ก็ตกใจเห็นคุณโอฬารให้สัมภาษณ์ ตกลงว่าค่าแรงขั้นต่ำ 300 ก็ไม่ใช่แล้ว ปริญญาตรี 15,000 บาทก็ไม่ใช่แล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ใช่เด็กทุกคนแล้ว สรุปแล้วนโยบายที่ขึ้นป้ายกับสิ่งที่จะทำจริงมันคนละเรื่องกันแล้ว นอกจากนี้ที่คุณโอฬารบอกว่าค่าแรงขั้นต่ำต้องมากกว่า 300 บาท ทุกคนจะต้องเป็นคนที่ผ่านการอบรมอะไรต่างๆ และเงินเดือนเฉพาะบางสาขา แต่น่าห่วงเพราะฐานตรงนี้ถูกใช้ไปในการคำนวณที่จะพูดถึงวิสัยทัศน์ 2020 ด้วยที่จะมีการปราศรัยพรุ่งนี้
ถ้าเริ่มต้นก็ไม่ตรงแล้วนึกไม่ออกว่าจะคำนวณอย่างไร สำหรับประชาธิปัตย์ นโยบายชัด สิ่งที่พูดตั้งแต่ต้นก็ยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ทำได้ ขณะเดียวกัน การมาปฏิเสธนิรโทษกรรม ผมคิดว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเป็นสิ่งที่ตอนแรกทั้งคุณเฉลิม คุณยิ่งลักษณ์ คุณปลอดประสพ เป็นคนพูด และที่สำคัญป้ายที่ติดอยู่ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ คุณทักษิณก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ขัดแย้งกันอีก ถ้าหากเราเกิดพูดกันอะไรก็ได้ช่วงหาเสียง พี่น้องประชาชนที่จะไปลงคะแนนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เป็นเรื่องไม่อยากจะใช้คำว่าหลอกลวง แต่มันเป็นเรื่องซึ่งที่ทำให้กระบวนการเลือกตั้งไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อถาม ว่าทำไมช่วงสัปดาห์สุดท้ายจึงเลือกที่พูดถึงฝ่ายตรงข้ามไม่เป็นอย่างต่างคนต่างว่าไป นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพราะว่าในข้อเป็นจริงอย่างที่บอกว่า ต่างคนต่างว่าไป ใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ในสังคมประชาธิปไตย ในต่างประเทศเขาก็จะเอามานั่งคุยกันเพื่อสอบถามกันว่า ตกลงเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะว่าสมมุติผมบอกว่า ค่าแรง 25% กับค่าแรง 300 บาท ตัวเลขที่สูงกว่าก็ต้องดึงดูดกว่า แต่ประชาชนต้องรู้ว่าตัวเลขที่สูงกว่าทำให้ทุกคนหรือเปล่า ทำได้จริงหรือเปล่า หรือจะมีผลนายจ้าง ธุรกิจอย่างไร กระบวนการประชาธิปไตยที่ต้องมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธอีกครั้งถึงกรณีการปราศรัยที่ราชประสงค์ว่าไม่ได้เป็นการโจมตีคนเสื้อแดง เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเสียหายของประเทศ วันนี้ประชาธิปัตย์บอกว่าเราจะพาประเทศไปข้างหน้าก้าวให้พ้นตรงนี้ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ราชประสงค์เหมือนกับพื้นที่ประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคน หลังจากวันนั้นผมก็เห็นชัดว่าพี่น้องประชาชนรู้สึกโล่ง ก่อนหน้านี้เขามีความรู้สึกกลัวๆ
หน้าที่ตนคือเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน แต่ว่าการที่บรรยากาศก่อนหน้านี้ คนบางกลุ่มบางสีทำอะไรก็ได้ คนส่วนใหญ่ก็มีความรู้สึกว่าต้องยอมเขา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็พูดถึงเรื่องปัญหาปากท้อง เรื่องประกันรายได้ แต่เพียงแต่ตอนแรกเขาเอาเรื่องการเมืองมาโจมตีผม ผมก็ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แล้วก็มาพันกับความคิดเรื่องนิรโทษกรรม คิดว่าประชาชนมีสิทธิจะรู้เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่องเงิน 46,000 ล้านบาท ที่อาจจะกลายเป็นเรื่องที่จะมาเอาจากประชาชนไปให้คุณทักษิณ และนี้คือสิ่งที่ประชาชนควรจะมีสิทธิจะรู้
ผู้ดำเนินการถามว่า มีการออกแถลงการณ์ว่าไม่มีนโยบายนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เขามีสิทธิจะพูดอะไรก็ได้ หลังจากที่เขาออกมาปฏิเสธ คุณทักษิณก็ยังออกมาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่าเงิน 46,000 ล้าน เป็นเงินของคุณทักษิณ และออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่ได้มีนโยบายเฉพาะเจาะจงกับคุณทักษิณหรอก คุณทักษิณกลับมาบ้านได้ไม่มีความผิด เมื่อแผนปรองดอง เพื่อไทยเสร็จสิ้น คุณทักษิณก็ยังคิด
“ผมบอกว่าเป้าหมายจริงๆ สุดท้ายก็วนกลับมาที่คุณทักษิณ เมื่อถูกคัดค้านต่อต้านก็พยายามที่จะดึงคนอื่นเข้ามาด้วย หลักการสำคัญถ้าเป็นเรื่องของความผิด การทุจริต อาญา ผมคิดว่าไม่ใช่ประเด็นที่จะมาบอกว่าเรื่องของการปรองดอง การที่จะล้างความผิดตรงนี้ เรากลับมาคุยเรื่องปากท้องดีกว่า นายกรัฐมนตรี ตัดบทที่จะกล่าวเรื่องนี้ต่อทันที”
ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่า เขาอ้างว่าเมื่อถึงเวลามาต้องมีคนกลางมาแก้ไขปัญหาปากท้องก่อน แล้วคนกลางจะไปคิดเองอย่างไรสุดท้ายต้องถามประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งแต่ผมชี้ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเรื่องนี้ ปฏิกิริยาก็ค่อนข้างจะแรง มิฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็คงไม่ออกมาปฎิเสธ คิดที่จะเริ่มทำ แต่วิธิการที่จะทำ ไม่ว่าจะเป็นการอ้อมแค่ไหน จะลากคนอื่นมาด้วยหรือเปล่า ก็ปฎิเสธไมได้ว่ามันเป็นจุดชนวนความขัดแย้ง เราก็เคยเห็นมาแล้วว่าเมื่อมันเกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง ปัญหาอื่นก็แก้ยาก
“ผมบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลย ผมพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนทั้งประเทศเชื่อว่า ของผมไม่มีนโยบาย คืน 46,000 ล้านให้คุณทักษิณ ผมเข้าไปดูแลเรื่องของแพง เรื่องเศรษฐกิจ ผมแปลกใจว่าว่าพรรคเพื่อไทยบอกว่าเรื่องของแพงไม่เกี่ยวกับเรื่องพรรคการเมือง มันแก้ไขไม่ได้ ทั้งๆที่นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ทำบางเรื่อง เช่น การตรึงน้ำมันดีเซล แก๊สหุงต้ม ที่มีข่าวขึ้นราคาเฉพาะภาคอุตสาหกรรม”
ผู้ดำเนินรายการถามเรื่องวิสัยทัศน์ว่าคืออะไร เพราะพรรคเพื่อไทยจะมีการแสดงวิสัยทัศน์พรุ่งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เศรษฐกิจจะต้องเป็นอย่างไรสำหรับสังคมที่ดี สำหรับประเทศที่ดี สำหรับคนไทย สำหรับตน
เมื่อถามว่าของเขา 2020 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนคิดถึงการทำงาน 4 ปี แต่รากฐานทิศทางของการเดินไปข้างหน้าจะถูกกำหนดไว้ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์มีความมชัดเจน ผมอาจจะคิดไม่เหมือนกับคนอื่น เขาอาจจะมองว่าคำว่าวิสัยทัศน์คือความหรูหรา ความตื่นเต้นในบางเรื่อง เช่น พรรคเพื่อไทยบอกว่าถมทะเลออกไปแล้วสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ผมมองชีวิตคนเป็นสำคัญ ผมมองว่าชีวิตเกษตรกรจะเปลี่ยนแปลง จากปัจจุบันไปสู่อนาคต ที่เราได้เริ่มต้นประกันรายได้ เสริมประกันภัยพืชผล เปิดโอกาสให้ไปอยู่ในประกันสังคมได้ นี่คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชนบทไทย ที่คนจนที่สุดคือเกษตรกรเดินอยู่บนความไม่แน่นอน พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าวิสัยทัศน์ข้างหน้า เกษตรกรไทยมีชิวิตที่มั่นคง
วิสัยทัศน์ของเศรษฐกิจไทยอนาคตเราจะหวังพึ่งการส่งออก โดยการกดค่าแรงไม่ได้ ตรงกันข้าม เราต้องทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเข้มแข็งขึ้น มีคนรายได้ขั้นต่ำที่สมเหตุสมผล เสริมประสิทธิ์ภาพ ประสิทธิผล แต่อยากฟังรายละเอียดก็ต้องไปฟังวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ลานพระบรมรูปฯ
“วิสัยทัศน์จะกี่ปีข้างหน้าก็ตาม ถ้าไม่คิดดับไฟ ไม่คิดหยุดการจุดชนวนความขัดแย้ง ไม่คิดหยุดยั้งคนที่มีหัวรุนแรงเข้าไปมีอำนาจอยู่ในสภาในรัฐบาล วิสัยทัศน์อะไรก็เดินยาก เราต้องเผชิญกับความจริงตรงนี้ก่อน การเมืองกระทบกับเศรษฐกิจ ปัญหาที่ประชาชนพบกับเรื่องปากท้องของแพง ถ้าหากเศรษฐกิจถูกกระทบจากการเมืองอีก การแก้ปัญหาตรงนี้ก็ยากขึ้น มันเกี่ยวพันกันหมด ผมอยากให้ประชาชนเห็นชัดว่าวันที่ 3 กรกฎาคม ไม่ใช่เรื่องที่เราจะแข่งกันขายฝัน เป็นเรื่องที่เราจะต้องพูดกันถึงเรื่องชีวิตจริง ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน ว่าพรรคการเมืองไหนมีความพร้อม มีความจริงใจ เรื่องแก้ปัญหาของประชาชน แล้วผลักผลประโยชน์ของนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต ออกไปก่อนแล้วเอาปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ดูเหมือนจะพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนแสดงความพร้อมมาตั้งแต่วันแรก คิดว่าวันนี้ตนมีหน้าที่บอกกับพี่น้องประชาชนว่าตนต้องการนำพาประเทศไปอย่างไร เมื่อถูกถามว่าคิดว่าจะมาเป็นที่หนึ่งหรือไม่ คนที่จะมาบอกว่าตนจะได้ที่หนึ่งหรือที่สอง คือพี่น้องประชาชน ตนตั้งเป้ามาที่หนึ่ง แต่คนที่จะให้คือพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า ถ้าหากเป็นที่สองจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพูดแต่เพียงว่าพรรคเพื่อไทยปฏิเสธพรรคภูมิใจไทย และเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกันอยู่แล้ว ตัวเลขก็ต้องดูแค่ 3 พรรคแค่นั้นเองไม่มีอะไร วันนี้เรามาพูดถึงทางเลือกของประชาชนดีกว่า ประชาชนต้องทราบก่อนตัดสินใจ และรัฐบาลจะเกิดขึ้นก็ด้วยจากตัวเลขที่ประชาชนให้ ก่อนที่จะถึงวันที่ 3 คิดว่าตัวเลือกของประเทศมันชัดเจน
เมื่อถามว่า หากมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล สิ่งหนึ่งที่หนักใจคือพรรคร่วมรัฐบาลกดดัน กระทรวงหลักๆ ต่างๆ ไม่มียุคสมัยไหนที่พรรคแกนนำไม่ได้เป็นผู้นั่ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มี ตอนนายกฯ ชวน พล.อชวลิต เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย คุณอุทัย เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ พ.อ.วินัย เป็นรัฐมนตรีคมนาคม ทั้งหมดเป็นพรรคร่วมหมดเลย ถือว่าขณะนั้นใครดูแลกระทรวงใดอยู่ก็ว่าไป มีปรับเล็กน้อยเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญนั่งหัวโต๊ะคณะรัฐมนตรี ตนตัดสินใจไม่ได้ตามใจ แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ถ้าโครงการไหนมีเหตุมีผลก็ไม่ให้ผ่าน แน่นอนว่าอยากจะทำงานอยู่ในพรรคทุกกระทรวง
เมื่อถามว่าคนจะกลัวหรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะให้กระทรวงเหล่านี้กับพรรคร่วม เพราะเขามีอำนาจต่อรองสูงกว่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าอำนาจต่อรองขณะนี้จะสูงกว่าเมื่อปี 2551 เพราะว่าโครงสร้างรัฐบาลปี 2551 มันมาอย่างนั้นตั้งแต่ต้น วันนี้เราเริ่มต้นกันใหม่ด้วยการเลือกตั้ง ประชาชนกังวลว่าตนทำอะไรได้ไม่เต็มที่ คนต้องกราบขอความกรุณาว่า เลือกประชาธิปัตย์เข้าไปมากๆ อำนาจต่อรองก็จะมี นั้นคือสิ่งที่ประชาชนบอก ตนมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้กระทรวงสำคัญๆ อย่างเช่น มหาดไทย พาณิชย์ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำก็จะดูแลกระทรวงเหล่านี้ด้วยตัวเอง
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ระบุว่าไม่ชอบทำงานกับคนไม่รักษาคำพูด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็ไม่ชอบถ้าต้องทำงานกับคนที่ไม่รักษาคำพูด เพราะท่านไม่ได้บอกว่าหมายถึงใคร เมื่อถามว่ามีอะไรแล้วทำไม่ได้นอกจากบึงฉวาก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามว่า วันที่โดนหยิกแก้ม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เจ็บ แต่ขอยืนยันว่าเป็นเจตนาดีแน่นอน สัมผัสได้ และตนไม่ได้เป็นลม เพราะเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากมันร้อนมาก หน้าเวทีมีผู้หญิงตะโกนมาว่าแม่มาเชียร์แต่เป็นลมอยู่ที่ป้อมตำรวจ อยากให้ไปเยี่ยม ตนพยายามไปแต่ไปไม่ได้ ตนก็พยายามตะโกนบอกผู้สมัครว่าช่วยไปเยี่ยมคนเป็นลมหน่อย ตนไปไม่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าตั้งรัฐบาลมีการคาดการณ์ว่าเสื้อแดงจะออกมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เพียงแต่ต้องเริ่มต้นกันให้ชัดว่า หนึ่งบ้านเมืองเรามีกติกา วันนี้ถ้าการเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ตนคิดว่าแม้จะมีเรื่องโน้นนี้บ้าง บรรยากาศโดยรวมตนคิดว่าคนรับได้ มีคนที่จะร้องเรียนคือผม เพราะผมเป็นคนที่ไปหาเสียงแล้วถูกขัดขวาง การเลือกตั้งบริสุทธ์ยุติธรรม เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุดลงก็เป็นกระบวนการของรัฐธรรมนูญ ทุกพรรคเสมอภาคกันอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ไม่มีเหตุผลที่กลุ่มใดทั้งสิ้น มาแล้วก็มาบอกว่าจะมาสร้างความวุ่นวาย
เมื่อถามว่า อาจบอกว่าประชาธิปัตย์เป็นที่สองแล้วมาตั้งรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มันเป็นกติกา ทำไมสมัยก่อน พรรคประชาธิปัตย์เป็นที่หนึ่งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปบอกว่าเป็นเงื่อนไขที่จะสร้างความขัดแย้ง อย่างที่บอกว่าจะใช้การระดมกันแบบนี้ก็เป็นเรื่องเดิมที่พูดที่ราชประสงค์ ว่าตกลงบ้านเมืองนี้ บางคนพอไม่ได้บางสิ่ง ก็จะมีสิทธิ์ในการที่จะ ข่มขู่ ออกมาคุกคามอย่างนั้นหรือ ถึงเวลาที่จะต้องปฎิเสธสิ่งนี้ ผมชวนไปปฎิเสธวิธีการแบบนี้ก็เพราะว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าแกนนำเสื้อแดงอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ซึ่งถ้าเป็นการเคลื่อนไหวแบบนี้ผมคิดว่าประชาชนต้องปฎิเสธ และวิธีปฎิเสธทีดี่ที่สุดคือการเลือกพรรคประชาธิปัตย์