xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ตกใจ เพื่อไทยปัดนิรโทษกรรม “แม้ว” ซัดหลอกลวงซึ่งหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มาร์ค” แจงเป็นฉากๆ “เพื่อไทย” แสดงเจตนารมณ์นิรโทษกรรม “แม้ว” ชัดเจน บอกตกใจจู่ๆ ก็ปฏิเสธแถมกล่าวหาว่าถูกใส่ร้าย ซัดคิดไม่ถึงว่าจะหลอกลวงประชาชนซึ่ง หน้า พร้อมหยอดขอถามคนไทยจะให้พรรคที่โกหกประชาชนอย่างไม่ละอายใจมาเป็นผู้บริหารบ้านเมืองหรือ

วันนี้ (25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17:19 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อส่วนตัวในเฟซบุ๊กส่วนตัว (Abhisit Vejjajiva) ในหัวข้อ จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 7 ชื่อตอนนิรโทษกรรมไม่ใช่นโยบายเพื่อไทย?

โดยมีเนื้อหาระบุว่า ผมยอมรับว่าค่อนข้างตกใจที่ในวงดีเบตซึ่งองค์กรกลางจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะพูดหน้าตาเฉยโดยไม่สะทกสะท้านว่า “นิรโทษกรรมไม่ใช่นโยบายพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงคำพูดของคนคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น”

ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือ ถัดมาอีกหนึ่งวันพรรคเพื่อไทยถึงกับออกแถลงการณ์ว่า “นิรโทษกรรม” ไม่ใช่นโยบายพรรค และกล่าวหาว่าผมจงใจใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย

ผมคิดไม่ถึงว่าจะมีพรรคการเมืองหลอกลวงประชาชนซึ่งๆ หน้าเช่นนี้ เพราะไม่ใช่วิสัยของพรรคการเมืองที่ต้องเคารพและซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่ ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยกลับซ่อนรูปกลบเรื่องนิรโทษกรรมทันทีที่กระแสตีกลับ ทั้งที่ตีปี๊บโหมโรงตั้งแต่วันแรกๆ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง เนื่องจากมั่นใจนักหนาว่าจะชนะการเลือกตั้งได้จัดรัฐบาล สามารถดำเนินการทุกอย่างได้ตามใจชอบเมื่อมีอำนาจรัฐมาครอบครองไว้ในมือ

ผมทบทวนความจริงกับพี่น้องประชาชนอย่างนี้ “คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันที่ 21 พ.ค.54 อย่างเป็นเรื่องเป็นราวมีการมอบหมายหน้าที่ชัดเจนในการดูแลเรื่องนี้ว่า

“จะมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 3 ไปดูแล เพราะเคยเสนอให้มีการออก พระราชบัญญัติอภัยโทษ และนิรโทษกรรม ส่วนวิธีการจะมีคณะกรรมการที่มาจากคนกลางพิจารณาอีกครั้ง โดยยึดหลักนิติธรรมคือความเสมอภาค ทุกคนต้องได้รับความเสมอภาคที่เท่าเทียมกัน ส่วนจะทำประชามติหรือไม่ ต้องไปว่ากันในรายละเอียด และต้องให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณได้รับความเป็นธรรมเหมือนคนอื่น

ส่วนการเยียวยาให้กับคนเสื้อแดงนั้นก็จะทำให้สมบูรณ์ที่สุด แต่ไม่อยากให้เป็นลักษณะของการเร่งรัด ทุกอย่างต้องอยู่ที่จังหวะและเวลา และความถูกต้องในรายละเอียด”

วันถัดมาคุณยิ่งลักษณ์เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่พูดบนเวทีเป็นภาษาเหนือว่า.  

“ไม่เคยกลับบ้านครั้งไหนซึ้งใจเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย น้องสาวกลับยังขนาดนี้ ถ้าพี่ชาย (พ.ต.ท.ทักษิณ) กลับจะขนาดไหน”

คุณยิ่งลักษณ์ยังระบุต่อไปว่า “พรรคเพื่อไทยจะคิดใหม่ทำใหม่ โดยมีทักษิณช่วยคิด แต่ยิ่งลักษณ์เป็นคนขอทำ”

วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปรองดองของคุณยิ่งลักษณ์ย้ำบนเวทีปราศรัยว่า “แนวคิดการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ  ผมเป็นคนเปิดออกมาเอง เพราะถ้าไม่พูดแล้วประชาชนไม่เอา ดังนั้น ต้องเปิดหน้าชนเลย พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลสั่งจำคุกกรณีลงนามให้ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ภริยา ไปซื้อที่ดินจากกองทุนฟื้นฟูฯ ย่านรัชดาฯ แต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ คำหนึ่งสองคำก็บอกว่า “ทักษิณทุจริต” ถ้าจะนิรโทษให้ ผมจะนิรโทษให้ในเรื่องนี้”

 ร.ต.อ.เฉลิม ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า  “จะเน้นผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติ-รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ประชาชนและคนทั่วโลก ไม่พอใจปฏิวัติ ดังนั้น ไม่อยากให้มองว่าพรรคเพื่อไทย คิดแก้ปัญหารายบุคคล โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่อยากให้มองว่า พ.ต.ท.ทักษินเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ  ที่สำคัญ ประเทศต้องได้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ อาจได้เป็นรายบุคคล ซึ่งรวม พ.ต.ท.ทักษิณด้วย อยากให้ประชาชนเข้าใจ เรื่องที่นำมาเป็นนโยบายหาเสียง  เราต้องดูข้อกฎหมาย หากออก พ.ร.ก.นั้นทำได้เร็ว แต่ต้องเข้าสภา หากเป็น พ.ร.บ.ก็ต้องได้เสียงข้างมาก แต่ที่สำคัญที่สุดได้คิดเรื่องนี้มาหลายปี และไม่ปกปิด บอกประชาชนมาตลอด

ถ้าประชาชนยังเลือกพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมาก และตั้งรัฐบาลได้ เชื่อว่าจะไม่มีใครขัดขวาง ที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าถ้าเลือกพรรคเพื่อไทย จะแก้ปัญหาให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นไม่ใช่ แต่เป็นการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศและคนส่วนใหญ่ใครทำผิดก็ต้องผิด ใครไม่ผิดเพราะถูกกลั่นแกล้งก็ได้รับความเป็นธรรมเรื่องนี้ถูกต้องที่สุด”

ชัดเจนไหมครับ ทำไมวันนั้นทั้งคุณยงยุทธ และพรรคเพื่อไทยไม่ออกมาคัดค้านล่ะครับ ที่สำคัญคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีการติดป้ายหาเสียงชัดเจนว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศหลายแห่งว่า “จะกลับประเทศไทยในเดือนธันวาคมเพื่อร่วมงานแต่งงานของบุตรสาวคนโต และพูดถึงการนิรโทษกรรมโดยอ้างว่าไม่ใช่ทำเพื่อคุณทักษิณเพียงคนเดียว แต่เพราะคุณทักษิณคือบุคคลหนึ่งที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงต้องได้ประโยชน์ จากการนิรโทษกรรมด้วย”

นอกจากนั้นยังปรารภเสมอว่าเงิน 4.6 หมื่นล้าน ถูกรัฐปล้นไป เหลือเงินเพียงแค่ 3 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ทำไม ไม่มีใครโต้แย้งว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายที่จะทำเรื่องนี้ แต่กลับเดินหน้าพูดต่อสาธารณะในหลายเวทีเกี่ยวกับแนวทางนิรโทษกรรมในลักษณะ รับลูกกันเป็นทอด ๆ ตลอดเวลา แม้แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาแถลงในวันทึ่ 13 มิ.ย.ว่า

“ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงสูงสุด ก็จะจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการปรองดอง และตั้งใจจะนำสันติสุข ความสามัคคี โดยจะไม่มีการแก้แค้นหรือเอาคืน แต่จะพยายามดูเรื่อง ผู้เสียหายและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา  การปรองดองของพรรค จะอยู่บนหลัก 5  ข้อ  เมตตาธรรม ประชาธรรม นิติธรรม การให้อภัย  ความสามัคคีและกลมเกลียวในอนาคต ดังนั้น ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถามจุดยืนของการปรองดองของพรรค พรรคก็อยากให้ประชาชนได้เลือกตั้งระหว่างแนวทางปรองดองของพรรคเพือ่ไทยกับ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้ ทหาร กองกำลัง จบด้วยการปะทะกับประชาชนจนเสียชีวิต

ที่อ้างว่า ยึดตามหลักกฎหมาย แต่สุดท้ายก็คือ การเอาคุกเป็นสรณะ เมื่อเข้าคุกจึงให้อภัยก่อน  ประชาชนจะได้เลือกว่า สิ่งไหนถูก และนำสู่การปรองดองของประเทศอย่างแท้จริง จะมีการตั้งคณะกรรมการเชิญคนทุกสีมาหารือกัน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะยึดเนื้อหาตั้งแต่การยึด 19 กันยา 2549 เป็นต้นมาที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้ง...”

แม้นายปลอดประสพจะออกตัวว่า เรื่องนิรโทษกรรมจะทำเป็นเรื่องสุดท้ายหลังจากดูแลเรื่องการเยียวยาแล้วก็ ตาม แต่เนื้อหาทั้งหมดก็คือการล้างความผิดหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งแน่นอนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือบุคคลหนึ่งที่พยายามบอกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังการยึดอำนาจ

 นายปลอดประสพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรมในวันที่ 29 พ.ค. ว่า “ขอตอบแบบมนุษย์ เวลามีใครทะเลาะถึงขั้นต่อยกัน จะเอาคนกลางมาห้ามคงไม่ได้ ต้องให้ 2 ฝ่ายหยุดกันเอง มาจับมือสัญญาว่าเลิกทะเลาะกัน ดังนั้น การปรองดองเป็นการยินยอมพร้อมใจของผู้ที่แตกแยก ไม่ใช่ให้คนอื่นมาชี้ อย่ามาโม้ ให้คนกลางมาช่วยมันเป็นเพียงนิยาย”

คำพูดของนายปลอดประสพขัดแย้งกันเองเพราะเคยระบุว่าจะให้คณะกรรรมการกลางเข้ามาแก้ปัญหานี้ ผมถามคุณยงยุทธและพรรคเพื่อไทยว่า คุณปลอดประสพใช่รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไหมครับ เคยแถลงในนามพรรคเพื่อไทยใช่ไหมครับ แล้วพรรคเพื่อไทยจะไม่มีแนวคิดที่จะทำเรื่องนิรโทษกรรมตามที่มีการออก แถลงการณ์ได้อย่างไร

ล่าสุด บุตรสาวคนโตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ออกมาพูดเองว่า ยังมั่นใจว่าพ่อจะได้กลับมางานแต่งงานของตัวเองในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งก็สอดรับกับที่คุณยิ่งลักษณ์เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า “พี่ชายจะกลับประเทศมาร่วมงานแต่งลูกสาว”

ผมก็ยังยืนยันในสิ่งที่เคยเขียนในเฟซบุ๊กนี้ว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาโดยที่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีการล้างความผิดให้ สถานที่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องไปไม่ใช่งานแต่งงานบุตรสาว แต่ประตูคุกเปิดรออยู่ เพราะเป็นผู้ต้องหาหนีคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินให้จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ดังนั้นทันทีที่ถึงแผ่นดินไทยก็ต้องถูกควบคุมตัวไปรับโทษตามกฎหมาย

ที่สำคัญถ้า นิรโทษกรรมไม่ใช่นโยบายพรรคเพื่อไทยทำไมในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ยังมีการแจกใช้สื่อหาเสียง “พาทักษิณกลับบ้าน” กันอย่างครึกโครม

ผมคิดว่าประชาชนรู้เท่าทัน ไม่ว่าจะพยายามซ่อนเร้นอย่างไรก็ปกปิดเป้าหมายแท้จริงที่ต้องการล้างความผิด ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นวาระแรกของรัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยเป็นการตอกย้ำการทำงานการเมืองที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อ ประชาชน เพราะคำพูดต่อสาธารณะไม่ใช่สัญญาที่ต้องปฏิบัติ เป็นเพียงลมปากที่จะเปลี่ยนไปได้ตามสถานการณ์โดยคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทาง การเมืองของพรรคเป็นสำคัญ

พื้นที่ไหนขาย พ.ต.ท.ทักษิณได้ ก็ชูนโยบายพาทักษิณกลับบ้าน พื้นที่ไหนที่คนตื่นตัวมีความรู้เท่าทันเล่ห์กลการเมืองในการล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามเบี่ยงเบนประเด็นซ่อนเรื่องนิรโทษกรรมเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคตัวเอง

อย่างนี้ไม่ใช่การทำงานของพรรคการเมืองหรอกครับ แต่เป็นการทำงานของบริษัทที่ดีดลูกคิดคำนวณตลอดเวลาถึงกำไรที่จะได้มา โดยไม่คำนึงถึงวิธีการในการหากำไรเข้าบริษัท และเจ้าของบริษัทคือผู้ที่ต้องได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนเพื่อค้า กำไร ซึ่งในที่นี้ก็รู้กันดีอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย

ผมถามคนไทยว่าเราจะปล่อยให้พรรคการเมืองที่ไม่ใช่เพียงแค่ดีแต่พูด แต่โกหกประชาชนอย่างไม่ละอายใจมาเป็นผู้บริหารบ้านเมืองหรือครับ

วันนี้พรรคประชาธิปัตย์เคยพูดอะไรไว้ในวันแรกของการหาเสียงไม่มีคำไหนเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมและจะยึดมั่นคำสัญญาปฏิบัติในสิ่งที่ให้คำมั่นไว้กับประชาชนทันที ที่ได้เป็นรัฐบาล คนไทยต้องเลือกระหว่างแนวทางพรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยแตกต่างกันชัดเจน เอาให้เด็ดขาดไปเลยว่า หลังเลือกตั้งคราวนี้อยากให้ประเทศเดินหน้าอย่างไร

ถ้าอยากให้เดินหน้าโดยมีประโยชน์ทางการเมืองซ่อนเร้นอยู่ตลอดเวลา และรับใช้ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะคอยบงการทุกอย่างให้ได้รับการล้างความผิด ก็เลือกพรรคเพื่อไทย

แต่ถ้าคนไทยต้องการนายกรัฐมนตรีที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนโดยไม่มีประโยชน์ส่วนตนเข้ามาเกี่ยวข้อง เดินหน้าปรองดองบนความถูกต้อง รักษาหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่มีการล้างความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่งก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์ให้ท่วมท้น เกิน 250 เสียง

วันนั้นล่ะครับที่คนไทยจะเป็นผู้ถอนพิษ ทักษิณออกจากประเทศนี้ และนำบ้านเมืองของเราก้าวข้ามปัญหาทักษิณกลับสู่การแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง และประชาชน ซึ่งจะทำให้เราพ้นกับดักความรุนแรงและความขัดแย้งได้อย่างแท้จริงจากมติของ ประชาชนที่ร่วมกันปฏิเสธไม่เอา “ระบอบทักษิณกลับมาทำร้ายประเทศอีก”
กำลังโหลดความคิดเห็น