“ปานเทพ” ระบุ “เทพมนตรี” แฉเขมรยื่น 8 ข้อเสนอบังคับไทยเซ็นมัดไทยยิงก่อน ทำผิดอนุสัญญา ยอมส่งผู้สังเกตุการณ์ลงพื้นที่บูรณะพระวิหาร จี้อย่ายอมรับแลกเลื่อนแผนบริหาร ชี้มีเจตนาให้เสียดินแดนในรัฐบาลหน้า จ่อฟัน “สุวิทย์” แน่ถ้าจรดปากกาเซ็นเอกสาร แนะจับตา “ประพันธ์” หวั่นชายแดนเครียดอีก เชื่อกองทัพไม่ยอมเพื่อนบ้าน “จำลอง” จี้ไทยถอนตัวมรดกโลกด่วน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงสถานการณ์การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศฝรั่งเศส โดยนายปานเทพกล่าวว่า พันธมิตรฯ และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ส่งนายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ และกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมที่ประเทศฝรั่งเศส โดยได้มีบทบาทในการเจรจาและกดดันให้คณะผู้แทนไทยแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยนายเทพมนตรีได้แจ้งข่าวมาว่า บัดนี้มีกระบวนการบางอย่างที่ยอมทุกวิถีทางเพียงแค่ขอให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหารออกไป โดยการทำร่างมติระหว่างฝ่ายไทยกับกัมพูชาขึ้นมาเพื่อต้องการให้พ้นจากรัฐบาลชุดนี้โดยยอมลงนามในเอกสารใดก็ได้ที่จะมีผลผูกพันถลำลึกไปไกลกว่าเดิมในอนาคต เหมือนเมื่อครั้งไปลงนามในร่างประนีประนอมเมื่อการประชุมปีที่แล้ว ต้องถือว่าสถานการณ์ตอนนี้ล่อแหลมและอันตรายอย่างยิ่ง
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ล่าสุดนายเทพมนตรีแจ้งว่า ได้มีข้อเสนอจากฝ่ายกัมพูชามาทั้งหมด 8 ข้อสำหรับให้ฝ่ายไทย โดยนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ลงนามและยื่นให้ที่ประชุมลงมติ ซึ่งทั้ง 8 ข้อเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยต้องไม่ยอมรับโดยเด็ดขาด ยกตัวอย่างข้อที่ 5 ซึ่งกัมพูชาเสนอว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายยิงก่อนและทำให้ปราสาทพระวิหารเสียหายอย่างหนัก หรือข้อที่ 6 กล่าวร้ายประเทศไทยว่าทำผิดอนุสัญญาปี 1972 ที่ระบุว่าต้องปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม และข้อ 7 ขอให้ไทยยอมให้กัมพูชาส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ไปบูรณะปราสาทพระวิหาร ทั้งหมดนี้ขอย้ำว่า เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพราะเป็นการกล่าวร้ายประเทศไทย และต้องการนำผู้สังเกตการณ์เข้ามาเพื่อเป็นโล่กำบังไม่ให้ทหารไทยขับไล่ทหารกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย ถือเป็นแทคติกทางการเมืองระหว่างประเทศ
“ฝ่ายไทยไม่สมควรยอมรับในกรณีนี้ จะไปลงนามเพื่อขอให้เลื่อนการพิจารณาเพื่อเอาหน้าให้แก่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ หากลงนามต้องถือว่ามีเจตนาตั้งให้ไทยต้องเสียดินแดนในรัฐบาลชุดหน้า และเมื่อเอกสารมีผลผูกพันต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตนั้น ต้องผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาและความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ดังนั้น การกระทำที่เกินกว่าอำนาจของนายสุวิทย์ และทำให้ประเทศต้องถลำลึกต่อไป ภาคประชาชนต้องดำเนินคดีต่อนายสุวิทย์อย่างแน่นอน เมื่อมาถึงตอนนี้เท่ากับว่าความพยายามในการเลื่อนการพิจารณาออกไปของรัฐบาลต้องถือว่าล้มเหลวแล้ว จึงเหลือหนทางเดียวคือถอนตัวออกจากภาคีอนุสัญญามรดกโลกตามคำร้องขอของพันธมิตรฯและคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยโดยทันที” นายปานเทพกล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า แม้ว่าล่าสุดคณะฝ่ายไทยโดยนายสุวิทย์ และนายอัษฎา ชัยนาม จะแสดงท่าที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กัมพูชาได้ยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลก โดยไม่รับแม้แต่ข้อเดียว แต่กลับมีท่าทีที่จะยื่นข้อเสนอจากฝ่าไทย ซึ่งเราเห็นว่าจะเป็นการถลำลึกจากการประชุมเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนายเทพมนตรีได้พยายามโน้มน้าวให้คณะฝ่ายไทยไม่ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว ทั้งนี้ นายปานเทพยังได้นำเอกสารร่างข้อตกลงที่นายเทพมนตรีส่งผ่านทางอีเมลมาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าทั้ง 8 ประเด็นเป็นอันตรายต่อประเทศไทยอย่างมาก พร้อมแสดงความเป็นห่วงว่ารัฐบาลไทยอาจจะลังเลและยอมรับให้มีการส่งทีมสังเกตการณ์เข้ามาในพื้นที่ เพื่อแลกกับการเลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารออกไป ซึ่งส่งผลให้ฝ่ายไทยไม่สามารถผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยได้เลย จึงขอจับตาในช่วงนี้
ขณะที่ นายประพันธ์ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ของไทยต่อทั้งการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก และการวินิจฉัยของศาลโลก ว่าจะนำมาซึ่งความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน เพราะหากผลออกมาเป็นประโยชน์ต่อกัมพูชาก็จะมีการใช้กำลังเข้ายึดพื้นที่ โดยขณะนี้มีการตระเตรียมซ่องสุมกำลังเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก แนวโน้มที่จะเกิดการปะทะอย่างรุนแรงมีสูง โดยตนเชื่อว่ากองทัพไทยก็จะไม่ยอมให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามายึดครองแผ่นดินไทย โดยอ้างมติของคณะกรรมการมรดกโลก หรือศาลโลก อย่างแน่นอน สถานการณ์ตามแนวชายแดนจึงไว้วางใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ภาคประชาชนจะคอยติดตามเรื่องนี้แม้ว่าผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกจะผ่านพ้นไปในวันที่ 29 มิ.ย.นี้แล้วก็ตาม โดยจะดำเนินการเรื่องนี้ในเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งภายหลังจากการเลือกตั้ง
ด้าน พล.ต.จำลอง ได้กล่าวสนับสนุนให้รัฐบาลไทยตัดสินใจถอนตัวออกจากอนุสัญญาภาคีมรดกโลกทันที หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนกว่า 1.8 ล้านไร่ รวมไปถึงทรัพยากรทางทะเลอีกมหาศาลกว่า 5 ล้านล้านบาท และประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนอีกมากมาย ที่ผ่านมารัฐบาลไทยถือว่าโชคดีที่มีประชาชนออกมาชุมนุมอย่างเหนียวแน่นถึง 150 วัน 5 เดือนเต็มแล้ว สามารถนำไปอ้างในที่ประชุมนานาชาติได้ แต่รัฐบาลไม่ทำ หนำซ้ำยังมาหาเรื่องภาคประชาชนเสียอีก