ความเคลื่อนไหวพรรคเพื่อไทยตอนนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก เพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้งก็ยิ่งประมาทคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ แม้จะได้กลิ่นไอชัยชนะการเลือกตั้งโชยเข้ามาให้สัมผัสชัดเจนมากขึ้นทุกวัน แต่กระนั้นก็ยังต้องเดินเครื่องเต็มสูบ
เพื่อไทยได้จัดแบ่งแกนนำทุกคนต้องออกพื้นที่ โดยมอบให้ขุนพลตัวหลักของพรรคเพื่อไทยแยกกันเดินสายช่วยผู้สมัครส.ส.หาเสียงกันทั่วประเทศ แบ่งเป็นทีมเอ-ทีมบี-ทีมซี ซึ่งทีมเอนำโดย “ปูแดง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ่วงด้วยแกนนำหลักๆซึ่งถูกวางไว้เป็นตัวช่วยทำหน้าที่ปะฉะดะ เช่นเฉลิม อยู่บำรุง-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ทำให้ความเคลื่อนไหว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะหากยิ่งลักษณ์ไม่เข้าพรรค แทบจะเงียบสนิทเหมือนกับพรรคร้าง
อย่างไรก็ตาม ทีมงานบริหารการเลือกตั้งของเพื่อไทย ก็ยังทำงานกันอย่างลับๆหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทั้งรุกและรับกับฝ่ายตรงข้ามในการเลือกตั้งรอบนี้ โดยใช้ทั้งที่ทำการพรรค และแอบไปใช้บ้านแกนนำพรรคบางคนเป็นสถานที่วางแผนกัน
สัปดาห์ก่อนเมื่อ 2 มิถุนายน 2554 มีข่าวว่า ทีมงานเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย โดยเลขาธิการพรรค จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เรียกประชุมแกนนำ-ทีมกฎหมาย-ฝ่ายจัดการเลือกตั้งมาประชุมกันเคร่งเครียด
สายข่าวหูผี-จมูกมด ไปได้ยินการพูดคุยกันในห้องดังกล่าว แล้วก็วิตกจริตกลุ้มใจแทนเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องมาจากว่า คนที่เข้าประชุมด้วยซึ่งมีทั้งทีมงานเลือกตั้งของผู้สมัครส.ส.หลายเขต-ฝ่ายกฎหมาย-ฝ่ายเลือกตั้ง เห็นพ้องตรงกันว่า ความแรงของฝ่ายตรงข้ามในการสกัดเพื่อไทยไม่ให้ชนะเลือกตั้งยังคงแผ่รัศมีอยู่
ทั้งการใช้อำนาจผ่านกองทัพ อย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่การประชุมครม.นัดเกือบสุดท้ายและนัดสุดท้ายมีการอนุมัติงบลับให้กองทัพผ่านกอ.รมน.หลายสิบล้านบาท เพื่อทำภารกิจที่ไม่ต้องมีการแสดงไว้ในเอกสารที่ต้องแจ้งต่อสำนักงบประมาณและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
ซึ่งฝ่ายเพื่อไทยเชื่อว่า งบลับและภารกิจลับต่างๆของกอ.รมน.จะเป็นภารกิจทางการเมืองล้วนๆ ในการสกัดพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน
ข่าวลับแจ้งว่า ที่ประชุมจึงกำชับให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยออกมาตีกันกองทัพไปเรื่อยๆ ในเรื่องการส่งกำลังทหารลงพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เพื่อทำให้กองทัพขยับได้ยาก
อีกหนึ่งกลุ่มที่คณะทำงานระดับสูงของเพื่อไทยเป็นห่วงก็คือ การทำงานของพวกกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในระดับจังหวัด จนถึงกกต.อำเภอ ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้พรรคไหนชนะหรือแพ้เลือกตั้ง ก็ยังน่าห่วงว่า กกต.พื้นที่จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
จึงมีคำสั่งกำชับให้ทีมงานหาเสียงผู้สมัครส.ส.ทุกคนทั่วประเทศ ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มพิกัด เพื่อเฝ้าระวังและจับผิดกกต.
เช่นให้ผู้สมัครส.ส.ทุกคนต้องให้ทีมงานเลือกตั้งในพื้นที่ใช้โทรศัพท์ที่มีกล้องถ่ายรูป-ถ่ายคลิปวีดีโอ-อัดเสียงได้หลายนาทีเอาไว้ติดตัวเสมอ เวลามีงานในพื้นที่เช่น เลือกตั้งล่วงหน้า-ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง-วันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง-วันที่กกต.ลงพื้นที่ ให้พยายามถ่ายภาพเก็บทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานให้หมดโดยเฉพาะในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า และช่วงนับคะแนนเสียง
หากพบอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้ยื่นเรื่องต่อกกต.ระดับสูงกว่าตามสายงานเช่น กกต.จังหวัดหรือกกต.กลางและให้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกระยะ หากกกต.ไม่ทำอะไร ก็ให้รีบยื่นเรื่องป.ป.ช.-เข้าแจ้งความต่อตำรวจไปเลยทุกครั้ง จากนั้นให้ออกข่าวผ่านสื่อมวลชนทันทีไม่ต้องรอให้เลือกตั้งเสร็จค่อยว่ากัน เพราะพอหมดเลือกตั้ง การร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งจะเกิดขึ้นมากมาย จะมีการช่วงชิงการตั้งรัฐบาล การฟอร์มครม. ถึงตอนนั้นคนจะไม่ค่อยสนใจอะไรแล้ว เรื่องจะหายไป
หากทั้งกกต.-ป.ป.ช.-ตำรวจไม่ทำอะไร ก็ให้ขู่จะยื่นเรื่องสูงขึ้นไปอีก เช่นยื่นเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้กกต.ทุกระดับรู้ว่า
รอบนี้ เพื่อไทย ไม่ยอมแน่นอน
แต่กระบวนการทุกอย่าง เพื่อไทย คงไม่ทำแบบตื่นตูม เหมือนกับกรณี นายประเกียรติ นาสิมมา ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หนึ่งในทีมกฎหมายเพื่อไทย ที่ดันออกมาปูดข่าวแบบโยนหินถามทางว่า อภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ไปพบพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีที่บ้านพักสี่เสาเทเวศน์จริงหรือไม่ จนประธานกกต.ฉุนหนักประกาศจะดำเนินคดีอาญาประเกียรติ
ที่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นผลดีกับเพื่อไทยเท่าไหร่ เพราะคนจะคิดไปว่า เพื่อไทยจ้องหาโอกาสจะเป็นคู่ขัดแย้งกับกกต.จนเกินเหตุ
สายข่าวหูผี-จมูกมด บอกอีกว่า นอกจากนี้จะมีการประสานกับพวกกลุ่มผู้สังเกตุการณ์จากต่างชาติหรือกลุ่มผู้สนใจติดตามการเลือกตั้งจากองค์กรระหว่างประเทศที่จะเดินทางมาสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในไทย เพื่อว่าหากมีอะไรจะได้คอยแจ้งข้อมูลการทุจริตเลือกตั้งให้ทราบทันที
มองได้ไม่ยากว่า เรื่องนี้ฝ่ายเพื่อไทยคงหวังจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกดดันฝ่ายตรงข้ามไปในตัวว่าต่างชาติเฝ้ามองการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ หากเพื่อไทยโวยวายว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง ต่างประเทศก็จะรับรู้เรื่องนี้ด้วย
ทั้งจ้องกดดัน- รอจับผิด ไม่ให้กระดิกกันทั้งทหาร-กกต. เช่นนี้ หากเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งขึ้นมา ก็อย่าโวยวายแล้วกัน
เพื่อไทยได้จัดแบ่งแกนนำทุกคนต้องออกพื้นที่ โดยมอบให้ขุนพลตัวหลักของพรรคเพื่อไทยแยกกันเดินสายช่วยผู้สมัครส.ส.หาเสียงกันทั่วประเทศ แบ่งเป็นทีมเอ-ทีมบี-ทีมซี ซึ่งทีมเอนำโดย “ปูแดง”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ่วงด้วยแกนนำหลักๆซึ่งถูกวางไว้เป็นตัวช่วยทำหน้าที่ปะฉะดะ เช่นเฉลิม อยู่บำรุง-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น ทำให้ความเคลื่อนไหว ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะหากยิ่งลักษณ์ไม่เข้าพรรค แทบจะเงียบสนิทเหมือนกับพรรคร้าง
อย่างไรก็ตาม ทีมงานบริหารการเลือกตั้งของเพื่อไทย ก็ยังทำงานกันอย่างลับๆหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทั้งรุกและรับกับฝ่ายตรงข้ามในการเลือกตั้งรอบนี้ โดยใช้ทั้งที่ทำการพรรค และแอบไปใช้บ้านแกนนำพรรคบางคนเป็นสถานที่วางแผนกัน
สัปดาห์ก่อนเมื่อ 2 มิถุนายน 2554 มีข่าวว่า ทีมงานเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย โดยเลขาธิการพรรค จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เรียกประชุมแกนนำ-ทีมกฎหมาย-ฝ่ายจัดการเลือกตั้งมาประชุมกันเคร่งเครียด
สายข่าวหูผี-จมูกมด ไปได้ยินการพูดคุยกันในห้องดังกล่าว แล้วก็วิตกจริตกลุ้มใจแทนเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องมาจากว่า คนที่เข้าประชุมด้วยซึ่งมีทั้งทีมงานเลือกตั้งของผู้สมัครส.ส.หลายเขต-ฝ่ายกฎหมาย-ฝ่ายเลือกตั้ง เห็นพ้องตรงกันว่า ความแรงของฝ่ายตรงข้ามในการสกัดเพื่อไทยไม่ให้ชนะเลือกตั้งยังคงแผ่รัศมีอยู่
ทั้งการใช้อำนาจผ่านกองทัพ อย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ที่การประชุมครม.นัดเกือบสุดท้ายและนัดสุดท้ายมีการอนุมัติงบลับให้กองทัพผ่านกอ.รมน.หลายสิบล้านบาท เพื่อทำภารกิจที่ไม่ต้องมีการแสดงไว้ในเอกสารที่ต้องแจ้งต่อสำนักงบประมาณและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
ซึ่งฝ่ายเพื่อไทยเชื่อว่า งบลับและภารกิจลับต่างๆของกอ.รมน.จะเป็นภารกิจทางการเมืองล้วนๆ ในการสกัดพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน
ข่าวลับแจ้งว่า ที่ประชุมจึงกำชับให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยออกมาตีกันกองทัพไปเรื่อยๆ ในเรื่องการส่งกำลังทหารลงพื้นที่ช่วงเลือกตั้ง เพื่อทำให้กองทัพขยับได้ยาก
อีกหนึ่งกลุ่มที่คณะทำงานระดับสูงของเพื่อไทยเป็นห่วงก็คือ การทำงานของพวกกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในระดับจังหวัด จนถึงกกต.อำเภอ ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้พรรคไหนชนะหรือแพ้เลือกตั้ง ก็ยังน่าห่วงว่า กกต.พื้นที่จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่
จึงมีคำสั่งกำชับให้ทีมงานหาเสียงผู้สมัครส.ส.ทุกคนทั่วประเทศ ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มพิกัด เพื่อเฝ้าระวังและจับผิดกกต.
เช่นให้ผู้สมัครส.ส.ทุกคนต้องให้ทีมงานเลือกตั้งในพื้นที่ใช้โทรศัพท์ที่มีกล้องถ่ายรูป-ถ่ายคลิปวีดีโอ-อัดเสียงได้หลายนาทีเอาไว้ติดตัวเสมอ เวลามีงานในพื้นที่เช่น เลือกตั้งล่วงหน้า-ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง-วันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง-วันที่กกต.ลงพื้นที่ ให้พยายามถ่ายภาพเก็บทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานให้หมดโดยเฉพาะในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า และช่วงนับคะแนนเสียง
หากพบอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้ยื่นเรื่องต่อกกต.ระดับสูงกว่าตามสายงานเช่น กกต.จังหวัดหรือกกต.กลางและให้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกระยะ หากกกต.ไม่ทำอะไร ก็ให้รีบยื่นเรื่องป.ป.ช.-เข้าแจ้งความต่อตำรวจไปเลยทุกครั้ง จากนั้นให้ออกข่าวผ่านสื่อมวลชนทันทีไม่ต้องรอให้เลือกตั้งเสร็จค่อยว่ากัน เพราะพอหมดเลือกตั้ง การร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งจะเกิดขึ้นมากมาย จะมีการช่วงชิงการตั้งรัฐบาล การฟอร์มครม. ถึงตอนนั้นคนจะไม่ค่อยสนใจอะไรแล้ว เรื่องจะหายไป
หากทั้งกกต.-ป.ป.ช.-ตำรวจไม่ทำอะไร ก็ให้ขู่จะยื่นเรื่องสูงขึ้นไปอีก เช่นยื่นเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้กกต.ทุกระดับรู้ว่า
รอบนี้ เพื่อไทย ไม่ยอมแน่นอน
แต่กระบวนการทุกอย่าง เพื่อไทย คงไม่ทำแบบตื่นตูม เหมือนกับกรณี นายประเกียรติ นาสิมมา ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หนึ่งในทีมกฎหมายเพื่อไทย ที่ดันออกมาปูดข่าวแบบโยนหินถามทางว่า อภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ไปพบพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีที่บ้านพักสี่เสาเทเวศน์จริงหรือไม่ จนประธานกกต.ฉุนหนักประกาศจะดำเนินคดีอาญาประเกียรติ
ที่ดูแล้วไม่ค่อยเป็นผลดีกับเพื่อไทยเท่าไหร่ เพราะคนจะคิดไปว่า เพื่อไทยจ้องหาโอกาสจะเป็นคู่ขัดแย้งกับกกต.จนเกินเหตุ
สายข่าวหูผี-จมูกมด บอกอีกว่า นอกจากนี้จะมีการประสานกับพวกกลุ่มผู้สังเกตุการณ์จากต่างชาติหรือกลุ่มผู้สนใจติดตามการเลือกตั้งจากองค์กรระหว่างประเทศที่จะเดินทางมาสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในไทย เพื่อว่าหากมีอะไรจะได้คอยแจ้งข้อมูลการทุจริตเลือกตั้งให้ทราบทันที
มองได้ไม่ยากว่า เรื่องนี้ฝ่ายเพื่อไทยคงหวังจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกดดันฝ่ายตรงข้ามไปในตัวว่าต่างชาติเฝ้ามองการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ หากเพื่อไทยโวยวายว่ามีการทุจริตเลือกตั้ง ต่างประเทศก็จะรับรู้เรื่องนี้ด้วย
ทั้งจ้องกดดัน- รอจับผิด ไม่ให้กระดิกกันทั้งทหาร-กกต. เช่นนี้ หากเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งขึ้นมา ก็อย่าโวยวายแล้วกัน