“อภิชาต-วิสุทธิ์” ระบุยังไม่มีเรื่องร้องเรียนกรณี ปชป.หาเสียงถูกขัดขวาง แนะหากพบความผิดซึ่งหน้าแจ้ง ตร.จับได้เลย กกต.ไม่มีอำนาจไปจับใคร ยอมรับรายชื่อลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าผิดจังหวัดมีจริง ชี้มหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมระบุเป็นความผิดของคนคีย์ข้อมูลที่อาจพลั้งเผลอไปได้
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปขัดขวางการหาเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าถ้าหากมีการไปยกป้ายชู ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ไปหาเสียง ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาเป็นเหตุการณ์ไปว่าจะถึงเป็นการขัดขวางหรือไม่ซึ่งจะต้องพิจารณากันทั้ง 5 กกต.แต่จะต้องรอให้มีข้อเท็จจริงเข้ามากกต.ก่อน
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปจัดปราศรัยที่ราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้นั้น นายอภิชาตกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของพรรคประชาธิปัตย์ใครจะปราศรัยก็ให้อยู่ในขอบเขต และขณะนี้ก็มีพันธะสัญญาของพรรคการเมืองว่าด้วยความร่วมมือในการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2554 ซึ่งหลายพรรคก็ได้ร่วมลงนามซึ่งเป็นการแสดงออกให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ดังนั้นถ้าจะไปยุบพรรคการเมืองใด กกต.ก็ต้องระมัดระวังเต็มที่ให้มีข้อเท็จจริงเข้ามาก่อน
“อย่างเช่นก่อนหน้านี้ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ยังเคยออกมาระบุว่าจะให้ใบแดง (เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง) ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ โดยไม่สืบสวนนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิดของ กกต.ด้วยกัน แต่การทำงานครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดียิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ และในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตำรวจก็ทำงานได้เป็นอย่างดีรวดเร็วทันควัน ได้พบความผิดซึ่งได้มีการถ่ายวีดีโอมาให้กับ กกต.ได้ดูเห็นหน้าคนแจกเงิน ซึ่งต่างกับเรื่องที่ จ.ศรีสะเกษ ที่ กกต.ยังดูแล้วยังคลุมเครืออยู่ ซึ่งเราก็อยากจะได้ข้อเท็จจริงให้ชัด แต่ถ้ามีสำนวนมามีการสอบตามกระบวนการ กกต.ก็จะให้ใบแดงได้” นายอภิชาตกล่าว และว่ากรณีดังกล่าวตนเพียงนำเข้าที่ประชุมเพื่อให้ กกต.ทราบว่าตำรวจที่ช่วย กกต.ไปเห็นการซื้อเสียงแล้วโดยแจ้งมาให้กกต.ดำเนินการทำให้ตนจึงนำเข้าที่ประชุม กกต.และให้ กกต.จังหวัดทำการสืบสวนตามระเบียบ
ด้านนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการใส่เสื้อสีไหน ซึ่งหากเห็นว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถแจ้งตำรวจจับได้ทุกคนไม่ว่าเป็นเสื้อสีไหนจะใส่เสื้อสีอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพ เวลา กกต.จะวินิจฉัยต้องรอดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วน มีบางคนบอกว่าทำไม กกต.ไม่จัดการ ต้องบอกว่ากกต.จะไปจับใครไม่ได้ต้องบอกให้ตำรวจจับ กกต.ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง เมื่อเลือกตั้งแล้ว กกต.จะมีอำนาจล้นฟ้า บางที กกต.อาจจะถูกจับก็ได้ ดังนั้น เวลาพูดอะไรเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วหากใครทำผิดกฎหมายใส่เสื้อสีไหนดูหมิ่นซึ่งหน้าก่อกวน ก็แจ้งให้ตำรวจดำเนินการจับกุมได้ ดังนั้นจะต้องดูเป็นเรื่องๆไปยังไม่มีข้อเท็จจริงเข้ามา กกต.
“ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเป็นประชาชนคนไทย ถ้าต้องการให้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนก็ต้องอดทนอดกลั้นระหว่างกัน กกต.ไม่จำเป็นต้องไปเตือน ใครเพราะโตๆ กันแล้ว จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในขอบเขตขอบของกฎหมาย หากไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ทั้งนั้น” นายวิสุทธิ์กล่าว
นายวิสุทธิ์กล่าวถึงกรณีที่รายชื่อของผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไปตกหล่นที่จังหวัดอื่น ไม่ใช่ที่จังหวัดตัวเองประสงค์ลงเอาไว้ว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ ก็พบปัญหานี้เช่นกัน และนอกจากนี้ยังพบเห็นปัญหาข้อหนึ่ง คือ การพิมพ์รายชื่อแจ้งไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากระบบการพิมพ์รายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการนั้นได้จัดพิมพ์เพียงรายชื่อแบบภาษาไทย โดยไม่มีแบบภาษาอังกฤษ เมื่อทางสถานทูตปริ้นท์ออกมาปรากฎว่า ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งปัญหานี้กกต.เห็นว่าควรจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรครั้งต่อไป เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายอภิชาตกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า อาจเกิดความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลเข้าเครื่องก็ได้ ซึ่งมันเป็นความผิดที่คนที่อาจพลั้งเผลอไปได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราต้องมีการแก้ไขกัน